ป.ป.ส. แถลงข่าวการจับกุมพ่อค้ายาเสพติดข้ามชาติรายสำคัญ ณ สะพานมิตรภาพไทย-ลาว 3 จ.นครพนม
วันที่ 4 มิ.ย.2568 พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการสำนักงาน ป.ป.ส., นายปฤณ มฆานันท์อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด, นายคณิศร ภาพีรนนท์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ปปส.ภาค 4, พล.ต.ต.อิทธิพล จันทร์ศรีบุตร ผบก.ปส.2 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และคณะ เดินทางไปรับส่งมอบตัว นายปิยะนันท์ บุญพันธ์ นักค้ายาเสพติดรายสำคัญที่หลบหนีหมายจับไปอาศัยอยู่ที่ สปป.ลาว จากกรมตำรวจสกัดกั้นและต้านยาเสพติด กรมใหญ่ตำรวจ กระทรวงป้องกันความสงบ และ สำนักงานคณะกรรมการแห่งชาติเพื่อตรวจตราและควบคุมยาเสพติด กรมใหญ่ตำรวจ กระทรวงป้องกันความสงบ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (Lao National Commission for Drug Control and Supervision : LCDC) ณ ด่านมิตรภาพไทย-ลาว 3 จ.นครพนม และแถลงการณ์รับตัวนายปิยะนันท์ บุญพันธ์ หนึ่งในผู้ต้องหาคดีค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำมาดำเนินคดีในประเทศไทย หลังผู้ต้องหาถูกทางการ สปป.ลาว จับกุมตัวได้เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งการรับมอบและจับกุมตัวนายปิยะนันท์ บุญพันธ์ ดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายในการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดน โดยการปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” ผนึกกำลัง 51 อำเภอชายแดน ของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี, นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
พล.ต.ท.ภานุรัตน์ หลักบุญ กล่าวว่า สำนักงาน ป.ป.ส. ติดตามพฤติกรรมของนายปิยะนันท์ บุญพันธ์ มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2565 ซึ่งพบว่านายปิยะนันท์ บุญพันธ์ มีหน้าที่เป็นผู้จัดหาและติดต่อประสานงานระหว่างเครือข่ายนักค้ายาเสพติดชาวไทย และ สปป.ลาว โดยใช้ สปป.ลาว เป็นทางผ่านในการลำเลียงยาเสพติดเข้าประเทศไทย โดยสำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับ บช.ปส. ขอศาลอนุมัติออกหมายจับนายปิยะนันท์ บุญพันธ์ ในข้อหา ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายอันเป็นการกระทำเพื่อการค้า การก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและกระทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน” ในคดีเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจยึดยาบ้า จำนวน 7,970,000 เม็ด ที่บริเวณทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 226 เส้นทางบุรีรัมย์-นครราชสีมา หมู่ที่ 7 บ้านหนองนกกวัก ต.จักราช อ.จักราช จ.นครราชสีมา
การจับกุมนายปิยะนันท์ บุญพันธ์ ตามหมายจับคดียาเสพติดดังกล่าวข้างต้น ถือเป็นผู้ค้ารายใหญ่ ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งหลังจากถูกออกหมายจับของทางการไทย นายปิยะนันท์ บุญพันธ์ ได้หลบหนีไปอยู่ใน สปป.ลาว และผันตัวเองเป็นผู้ประสานงานการค้ายาเสพติดข้ามชาติรายสำคัญ จัดส่งยาเสพติด โดยเฉพาะยาบ้าลักลอบนำเข้ามาในราชอาณาจักรไทย จำนวนมาก ซึ่งการติดตามจับกุมตัว ต้องอาศัยความร่วมมือของประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะ สปป.ลาว ใน การช่วยเหลือติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาชาวไทย ที่ลักลอบหลบหนีเข้าไปอยู่ใน สปป.ลาว
โดยนายปิยะนันท์ บุญพันธ์ เป็น ผู้ต้องหาหลบหนีของทางการไทย 1 ใน 21 คน ตามโครงการประกาศสืบจับผู้ต้องหาคดียาเสติดรายสำคัญตามหมายจับ ประจำปี 2568 ที่ทางการไทยได้ขอให้ สปป.ลาว ช่วยติดตามจับกุม ผลักดันส่งตัวกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย ในการประชุมทวิภาคีไทย-ลาว ระดับรัฐมนตรี เรื่อง ความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ครั้งที่ 20 เมื่อวันที่ 23–26 ธันวาคม 2567 ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว
ซึ่งการจับกุมตัวนายปิยะนันท์ บุญพันธ์ ในครั้งนี้จะส่งผลให้ปริมาณยาบ้าที่ลักลอบนำเข้าประเทศไทย ทางพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือลดลง 5–10 เปอร์เซ็นต์ และนอกจากนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนของสำนักงาน ป.ป.ส. ติดตามจับกุมบุคคลในเครือข่ายของนายปิยะนันท์ บุญพันธ์ ที่เหลือเพื่อกวาดล้างเครือข่ายนักค้ายาเสพติดข้ามชาติรายสำคัญนี้ให้หมดสิ้นไป