นายนภา รุจิเทศ ร้องสื่อ แฉพระภิกษุ ดร. ฉาว ส่งคลิปภาพลามกให้สีกา สำนักพุทธฯ ตรวจสอบแล้วไม่พบผิด
ชุมพร – นายนภา รุจิเทศ พุทธศาสนิกชนชาวชุมพร ออกมาเรียกร้องให้มีการตรวจสอบพฤติกรรมพระภิกษุชื่อดังในจังหวัดชุมพร หลังพบหลักฐานแชทและคลิปภาพลามกที่ถูกกล่าวหาว่าส่งให้สีกา โดยระบุว่าพฤติกรรมดังกล่าวไม่เหมาะสมและอาจขัดต่อพระธรรมวินัย ซึ่งอาจนำไปสู่การปราชิกและทำลายความศรัทธาของพุทธศาสนิกชน
- ร้องเรียนต่อสำนักพุทธและคณะกรรมาธิการ
นายนภา รุจิเทศ เปิดเผยว่า ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคม 2567 เพื่อขอให้ตรวจสอบพฤติกรรมของ พระครูศรีปริยัตยาภิมณฑ์ รองเจ้าอาวาสวัดราชบุรณะ (พระอารามหลวง) อ.หลังสวน จ.ชุมพร, เจ้าคณะอำเภอพะโต๊ะ และเลขานุการเจ้าคณะภาค 18 ที่ถูกกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมไม่เหมาะสม คบหาสมาคมกับสตรีในทางชู้สาว รวมถึงเรียกร้องผลประโยชน์จากญาติโยมและพระสงฆ์โดยใช้ตำแหน่ง
จากเอกสารร้องเรียนระบุว่า พระภิกษุรูปนี้มีพฤติกรรมคบหาสตรีเพศหลายรายต่อเนื่องเป็นเวลานาน ตั้งแต่จำพรรษาที่วัดปทุมคงคา กรุงเทพฯ จนถึงจังหวัดชุมพร โดยมีหลักฐานแชทไลน์ที่สนทนากับสตรี 2 ราย ได้แก่ นางสาวสุนันทา เอ๊าเจริญ ข้าราชการโรงพยาบาลสามพราน และสตรีอีกคนชื่อ “จุ่ม” โดยใช้ชื่อในแชทว่า “ไผ่ไร้กอ” ซึ่งมีการพูดคุยในลักษณะไม่เหมาะสม
- สำนักพุทธฯ และคณะสงฆ์ชุมพรสรุป “ไม่มีความผิด”
หลังจากการร้องเรียน ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดชุมพรได้ส่งเรื่องให้เจ้าคณะจังหวัดชุมพรตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง โดยมีรองเจ้าคณะจังหวัดเป็นประธาน ผลการสอบสวนเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2567 ระบุว่า พระครูศรีปริยัตยาภิมณฑ์ ไม่ได้มีพฤติกรรมตามที่ถูกกล่าวหา และมองว่าหลักฐานที่นำเสนอเป็นการสร้างเอกสารเท็จเพื่อกล่าวร้าย จึงให้ยกคำร้องทุกข้อกล่าวหา ส่วนการตรวจสอบบัญชีการเงินนั้น คณะกรรมาธิการระบุว่าไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่
- นายนภาฯ ตั้งคำถามถึงความเหมาะสม
นายนภาฯ แสดงความไม่พอใจต่อผลการสอบสวน โดยระบุว่า “หลักฐานชัดเจนขนาดนี้ สังคมก็เห็นอยู่ ว่าแชทและพฤติกรรมแบบนี้ไม่เหมาะสมกับสมณสภาพ ผมเป็นพุทธศาสนิกชนที่อยากรักษาศาสนาไว้ อยากให้มีการตรวจสอบอย่างโปร่งใสและจริงจัง” เขายังเรียกร้องให้มีการสอบสวนใหม่ เพื่อปกป้องความศรัทธาของพุทธศาสนิกชนและป้องกันไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้อีก
- เรียกร้องให้ลงโทษตามพระธรรมวินัย
นายนภาฯ เน้นย้ำว่า หากพบว่าพระภิกษุกระทำผิดจริง ควรดำเนินการลงโทษตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 เพื่อให้เป็นตัวอย่างและรักษาความบริสุทธิ์ของพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกระทำที่อาจนำไปสู่การปราชิก ซึ่งเป็นโทษสูงสุดที่ทำให้ขาดจากความเป็นพระ
กรณีนี้ยังคงเป็นที่จับตาของสังคม โดยเฉพาะในยุคที่โซเชียลมีเดียทำให้ข่าวสารแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว การตรวจสอบที่โปร่งใสและเด็ดขาดจะเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาความศรัทธาของพุทธศาสนิกชนชาวไทย
ที่มา : ข้อมูลจากการสัมภาษณ์นายนภา รุจิเทศ และเอกสารร้องเรียนต่อสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ