<ความเหมือนที่แตกต่าง>
<ตอนที่ 3>
<เข้าถ้ำเสือ>
เมื่อไปถึงบริเวณที่ทำการของ ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกบุรีรัมย์ ผมรู้สึกแปลกใจที่เห็นผู้บังคับการฯ พร้อมนายทหารใหญ่น้อย รวมทั้ง พ.อ. ที่ยกกำลังไปจับ ร.ต.ต.จู๋ แต่งเครื่องแบบ ยืนเรียงแถวหน้ากระดาน อยู่ด้านหน้าที่ทำการ
ผม และ ร.ต.ท.ตูมตาม ลงจากรถเข้าไปทำความเคารพผู้บังคับการฯ
สายตาผมมองไปที่ พ.อ. ผ่านไป เมื่อถึง พ.ต. มีเสียงตะโกนขึ้นจากปากนายทหารหนุ่มว่า<สวัสดีครับพี่ไอยศูรย์>
บรรดานายทหารตั้งแต่ยศ พ.ต. ลงไปจนถึง ร.ต. ต่างทำท่าวันทยาหัตถ์ผมโดยพร้อมเพรียงกัน
ผมทำท่าวันทยาหัตถ์ตอบและยิ้มให้กัน
ผู้บังคับการฯ มองด้วยความฉงนใจ ?
ในห้องประชุมของจังหวัดทหารบกบุรีรัมย์ ร.ต.ต.จู๋ นั่งอยู่ในห้อง โดยไม่ได้ใส่กุญแจมือ แต่มีร่องรอยอยู่บนข้อมือ
ผู้บังคับการฯ ได้สอบถามผม ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ผมบอกเล่าเรื่องตามความเป็นจริงและย้ำว่า <ไม่รู้ว่าเป็นทหารจริง ๆ เรื่องที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องของจิตใจ ความผูกพัน ของพี่น้องที่จบจากสถาบันเดียวกันมา>
ผู้บังคับการฯ พยักหน้า ยิ้ม เข้าใจ
ผมได้ถาม พ.อ. หัวหน้าชุดปฏิบัติการของทหารว่า<ถ้าพี่อยากพบผมหรือต้องการให้ผมมาพบทำไมไม่โทรศัพท์หรือทำหนังสือแจ้งไปที่โรงพักผมหรือจะติดต่อกับ รองผู้บังคับการ หัวหน้าตำรวจภูธรจังหวัดฯ ก็ได้ไม่จำเป็นต้องใช้กำลังแบบนี้ ถ้าบังเอิญผมอยู่ ขณะที่พี่ไป โดยเฉพาะที่โรงพักห้วยราช ผมยอมให้พี่จับไม่ได้เพราะผมเป็นหัวหน้าหน่วย ถ้าผมยอมให้จับผมก็หมดศักดิ์ศรีความเป็นตำรวจ และความเป็นผู้นำคงต้องลาออกจากตำรวจ ผมมีลูกน้องหลายสิบคนในโรงพักมีอาวุธปืนทั้งยาวทั้งสั้น ผมกล้าพูดว่า ลูกน้องรักผม ถ้าสู้กัน คงสูญเสียทั้งสองฝ่ายครับ>
คำตอบจาก พ.อ. เรียบง่าย เต็มเปี่ยมไปด้วยความหมาย <ผมเข้าใจสี่คนที่ถูกทำร้ายเป็นทหารเกณฑ์ เหตุที่เกิดขึ้นนั้นทหารในค่าย โดยเฉพาะทหารเกณฑ์ โกรธแค้นกันมากถึงขั้นนัดเตรียมนัดเตรียมการ จะไปถล่มโรงพัก ผมจึงตัดปัญหาโดยอาสาทำเองเพื่อลดความกดดัน>
วันนั้น เหตุการณ์ผ่านไปด้วยความเข้าอกเข้าใจกันผมทำความเคารพ ลาผู้บังคับการและนายทหารพี่ ๆ
ผมขออภัยต่อพี่ พ.อ. หันไปขอบใจน้องทหาร พ.ต. ถึง ร.ต. ทุกคน ที่ให้เกียรติ จากนั้นพา ร.ต.ท.ตูมตาม ร.ต.ต.จู๋ ออกจากค่ายทหาร
ผมไปรายงานเหตุที่เกิดขึ้นในค่ายทหารให้ รอง ผบก.ฯ ทราบ
<จบตอนที่ 3>
พล.ต.ต.ไอยศูรย์ สิงหนาท
/////////////////////////////////////////////
<ความเหมือนที่แตกต่าง>
<ตอนที่ 4>
<ศักดิ์ศรี>
เพื่อนเอ๋ย<ตำรวจ>กับ<ทหาร>มีขนบธรรมเนียมประเพณีระเบียบปฏิบัติและการฝึกเหมือน ๆ กัน แต่…
<ทหาร> ทำไมรักกันเหลือเกิน
แม้แต่เพียงทหารเกณฑ์ที่ไปมีเรื่องมีราวมาจากภายนอกบรรดานายทหาร ทั้งชั้นสัญญาบัตร และชั้นประทวนต่างพากันออกไปกอบกู้เรียกศักดิ์ศรีกลับคืนมา
<ตำรวจ> สุภาพบุรุษชุดกากีล่ะ !
ขออย่ามีเรื่องเชียว ! เพราะถ้าไม่มีเส้นมีสายไม่มีผู้มีอำนาจค้ำจุนต่อให้ใหญ่แค่ไหน ถ้ามีเรื่องก็จะอยู่และต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว อาจจะมีคำพูดแบบปลอบประโลมใจแต่ไร้ซึ่งแนวทางช่วยเหลือ บางครั้ง อาจถูกเยาะเย้ยและเหยียบย่ำ จากพวกเดียวกันเสียอีก
<ตำรวจ>กับ<ทหาร>ช่างเป็นความเหมือนที่แตกต่างกันเสียจริง ๆ
ยัง…….ยังไม่จบครับ อ่านบทส่งท้ายอีกหน่อย
<บทส่งท้าย>
เป็นการขยายความถึงเหตุการณ์บางช่วงบางตอน
1. ต่อมา แม่ทัพภาค 2 ได้มาสร้างความเข้าใจระหว่างทหารกับตำรวจอีกครั้งหนึ่งที่ จว.บุรีรัมย์ <เพราะ>เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2534 ที่ผ่านมาเพิ่งจะมีการยึดอำนาจการปกครอง โดย คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ หรือ รสช. หน่วยกำลังจึงต้องมีความสามัคคีกัน
2. ทหารที่ไปโรงพัก รู้ว่าใครเป็นคนทำ ? ทำที่ห้องไหน ? <เพราะ>มีบางคนไม่รักพวกเดียวกันแต่ชอบเอาหน้ากับคนอื่น
3. ทหารรู้ว่าผมจะเข้าไปในค่ายได้อย่างไร ? จึงรออยู่อย่างพร้อมเพรียง<เพราะ>มีไส้ศึก
4. น้อง ๆ ทหาร รู้จักผม ทำความเคารพผม<เพราะ>ยามราตรี เจอกันบ่อย ๆ ที่ร้านอาหารในเมืองผมจะบอกว่า<น้อง ลงบัญชีพี่นะ>ก็ผมเป็นรุ่นพี่นี่นา
5. รอง ผบก.ฯ ได้เชิญ ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกบุรีรัมย์ และคณะ มาพบปะพูดคุยกัน ผมไหว้ขออภัยต่อผู้บังคับการฯ ท่าทีทั้ง รอง ผบก.ฯ และผู้บังคับการฯ ทหาร มีน้ำใจและให้ความเมตตากับผมมากขอบพระคุณทั้งสองท่านครับ
6. กาลต่อมา ผมเป็น ผบก.ฯ รรท.ผบก.น.8 บช.น.
ร.ต.ท.ตูมตาม มีลูกสาวชื่อ<น้ำมนต์>ผมเคยเห็นตั้งแต่ตอนอายุ 3-4 ขวบ ฟันหลอ จ้อเก่ง เติบโตเป็นสาวสวยและเป็นนายตำรวจอยู่ บก.น.8 กับผม น้ำมนต์ไม่เคยเรียกผมว่า <ผู้การฯ>เรียกผมว่า<คุณลุง>ทุกครั้ง
7. ร.ต.ท.เขียว เป็น หน.สภ. หลายแห่ง มาดเข้ม น้ำใจข้น เหมือนเดิม
8. ร.ต.ท.โอ๋แต่งงานกับกบโดยผมเป็นพิธีกร
9. ร.ต.ต.จู๋ อยู่ในส่วนกลางของ ภ. แห่งหนึ่ง แบบสบาย ๆ
10. ตูมตาม เขียว โอ๋ จู๋ กบ<พี่ไม่เคยลืมพวกเรานะ>
11. น้ำมนต์ เจ้าฟันหลอ ลุงก็ไม่ลืมเราเช่นกัน
จบบริบูรณ์
พล.ต.ต.ไอยศูรย์ สิงหนาท