<ห้วยราช 1>
<ตอนที่ 2>
เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2533 มีการตั้งกิ่ง อ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ ขึ้น
บช.ภ.2 <ภ.3> มีคำสั่งแต่งตั้งให้ผม จาก สวส.สภ.เมือง บุรีรัมย์ ไปเป็น สว.สภ.กิ่ง อ. ห้วยราช เป็นไปตามข่าวลือจริง ๆ
ไม่ได้เสียใจ แต่กลับรู้สึกตื่นเต้นดีใจที่จะได้เป็น สว.หน.สภ. หรือที่เรียกกันว่า สารวัตรเดี่ยว
แถมเป็นเดี่ยวมือหนึ่งด้วย<สารวัตรคนแรกของ สภ.>
ตรวจสอบข้อมูลท้องถิ่น มี 5 ตำบล มีที่พักสายตรวจอยู่ 1 แห่ง ไม่มีข้อมูลกำลังพล และไม่มีข้อมูลโรงพักหรือสถานที่ทำงานแต่อย่างใด
ชักไม่แน่ใจว่า ควรจะดีใจหรือไม่ ?
หรือว่ามีเลศนัย อะไรแอบแฝงอยู่ !
ผมขับรถส่วนตัวตระเวณไปทุกตำบล เจอที่พักสายตรวจ อยู่ที่ตำบลตาเสา เป็นเรือนไม้เล็ก ๆ ยกพื้นสูง มีบันไดขึ้น
มีกลุ่มชายฉกรรจ์บ้าง ไม่ฉกรรจ์บ้าง จำนวน 4-5 คน สวมกางเกงขาสั้น เสื้อยืดแขนสั้นคอกลม เสื้อกล้าม ถอดเสื้อก็มี นอนเล่นอยู่บนนั้น ข้างล่างก็นอนเล่นในเปลญวน
ผมซึ่งแต่งกายแบบส่วนตัวด้วยชุดปกติธรรมดาไม่ได้สวมเครื่องแบบ ตะโกนถามไปดัง ๆ ว่า<แถวนี้มีตำรวจอยู่มั้ยครับ ?>
คนในเปลญวนตะโกนสวนกลับมา <มีเรื่องอะไรล่ะ ? ถึงอยากเจอตำรวจ>
ผมเปิดประตูรถลงไปและพูดกับคนในเปลญวน ส่วนคนที่นอนเล่นกันอยู่ข้างบนก็ลุกขึ้นนั่งมองดูเหตุการณ์
<ผมขับรถไปหลายตำบลแล้ว ไม่เจอตำรวจเลย จะมาตามให้ไปทำงาน>
คนในเปลญวนลุกขึ้นนั่งในเปล พูดกับผมว่า<พวกผมนี่แหละตำรวจ มีงานอะไรหรือ ? แล้วคุณน่ะเป็นใคร ?>
ผมมองหน้าคนในเปลญวนและกวาดสายตามองคนที่นั่งอยู่ข้างบน แล้วพูดว่า<ส่วนราชการทางฝ่ายปกครอง เขาตั้ง กิ่ง อ.ห้วยราช ขึ้น ทางตำรวจก็เลยตั้ง สภ.กิ่งอ.ห้วยราช ขึ้นมา และแต่งตั้งให้ผม สวส.สภ.เมืองบุรีรัมย์ มาเป็นสารวัตรหัวหน้าโรงพัก กิ่ง อ.ห้วยราช อยากรู้ว่า โรงพักอยู่ที่ไหน ? มีกำลังพลกี่คน ?>
พอผมพูดจบ คนที่นั่งในเปลญวน รีบลงจากเปล พวกคนที่นอนเล่นอยู่บนเรือนรีบลงมาข้างล่างทันทีพยายามจะยืนเป็นแถวแบบทุลักทุเล มีคนหนึ่งพูดว่า<พวกผมขอโทษท่านครับที่ไม่รู้จักท่าน พวกผมเป็นสายตรวจตำบลครับ ตระเวณตรวจไปตามตำบล หมู่บ้านต่าง ๆ มีที่พักสายตรวจแห่งเดียวคือที่นี่ นอกนั้นอาศัยนอนตามศาลาวัดส่วนตัวโรงพักนั้นพวกผมไม่เคยเห็นครับ>
ผมคิดต่อในใจ<ไม่เคยเห็นก็แสดงว่าไม่มี>
ถ้าถามว่า<ตกใจมั้ย ?>
ขอตอบว่า<มากเลยล่ะ !>
ถามต่อว่า <ท้อมั้ย ?>
ขอตอบจากใจว่า <ไม่ท้อ>
ผมกลับคิดว่า<มันคือความท้าทาย สติ ปัญญา ความรู้ ความสามารถที่สั่งสมมาจะต้องแก้ปัญหาประดานี้ให้ได้>
เมื่อไม่มีโรงพักก็ต้องหา ไม่งั้นจะทำงานได้ยังไง ?
ผมบอกสายตรวจตำบลชุดนั้นไปว่า<ให้ทุกคนช่วยแจ้งตำรวจที่ทำงานในพื้นที่ 5 ตำบล ของกิ่ง อ.ห้วยราชว่า วันพรุ่งนี้ เวลา 10.00 น. แต่งเครื่องแบบมาประชุมกันที่หน้าสถานีรถไฟห้วยราช เพื่อชาวบ้านจะได้เห็นว่า มีตำรวจและจะได้รู้ว่าจะพบตำรวจเพื่อให้ช่วยเหลือยามเดือดร้อน
ได้ที่ไหน อย่างไร ?>
ตอนสายของเช้าวันนั้น ชาวบ้านย่านสถานีรถไฟห้วยราช ชาวตลาดและอีกหลายชุมชน ต่างตื่นเต้นกันยกใหญ่ ที่ได้เห็นตำรวจแต่งเครื่องแบบหลายสิบนายยืนเข้าแถวหน้าสถานีรถไฟ รับฟังการประชุมชี้แจงจากผม เป็นครั้งแรก
ต่อมาผมได้ขอเช่าห้องแถวไม้ร้างสองชั้นสองห้อง จากกำนันหย่ำเดือนละ 3,000 บาท อยู่บนถนนเส้นเดียวกับสถานีรถไฟ เพื่อใช้เป็น<โรงพักชั่วคราว>ระดมกำลังทำความสะอาด ทาสีอาคารใหม่ให้สะดุดตา เป็น<สีฟ้า>
ไม่มีโต๊ะ
ไม่มีเก้าอี้
ไม่มีวิทยุสื่อสาร
ไม่มีอาวุธปืนหลวง
ไม่มีอุปกรณ์การทำงาน
ไม่มีอะไรแม้แต่ชิ้นเดียว
ทำเสาธงหน้าโรงพักเพื่อเป็นศูนย์รวมพล
ผมไปติดต่อ ภ.จว.บุรีรัมย์ และ บช.ภ.2 <ภ.3>หลายครั้งหลายหน เพื่อขอรับการสนับสนุน โต๊ะ เก้าอี้ อาวุธปืนหลวง และอุปกรณ์การทำงาน
ได้บ้างไม่ได้บ้าง
แต่ที่ผม<เน้นมาก>คือ<ระเบียบวินัย>ของตำรวจ
<ทุกวัน>จะมีการเข้าแถวเคารพธงชาติเช้า เวลา 08.00 น. จากนั้นสวดมนต์ไหว้พระ
ตรวจเครื่องแบบการแต่งกาย หนวด เครา จอน เล็บ รองเท้าขัดมัน ไม่มีกลิ่นสุรา
เข้าแถวเคารพธงชาติเย็น เวลา 18.00 น.
มีการฝึกประจำสัปดาห์ เรียกขวัญกำลังใจตำรวจกลับคืนมา
สร้างความเชื่อมั่นศรัทธา ให้แก่ประชาชนในพื้นที่
ได้ผลครับ กำนันหย่ำมาบอกผมว่า<เห็นความตั้งใจจริงของสารวัตรผมไม่เอาค่าเช่าให้อยู่ฟรีครับ>
อาปาสวง เกียรติอาภาเดช หรือที่ชาวบ้านรู้จักกันในนาม<เสี่ยจวง> เจ้าของโรงสีเกียรติอาภาเดช บอกผมว่า<ให้ตำรวจมาเอาข้าวสาร จับปลานิลในบ่อของโรงสีไปกินได้นะ>
ตำรวจช่วยกันทำ เชื่อม ผูก เหล็กเส้น เพื่อทำห้องควบคุมเล็ก ๆ ที่ชั้นล่างอาคาร
มีคนมาบริจาคโต๊ะ เก้าอี้ และอุปกรณ์การทำงานให้
ผมจัดวางระบบการทำงานใหม่ทั้งหมด ตามแบบแผนของโรงพักที่จะต้องมี เช่น
การรับแจ้งความร้องทุกข์
การรับแจ้งความเป็นหลักฐาน
สิบตำรวจเวร
ยาม
เสมียนประจำวัน
เสมียนคดี
งานการเงิน
และงานธุรการต่าง ๆ
กำหนดตัวบุคคลแต่ละหน้าที่
ทั้งงานสอบสวน
งานสืบสวน
งานป้องกันปราบปราม
งานจราจร
งานอำนวยการ
ฯลฯ
เริ่มต้นงานแบบนับหนึ่งกันทุกงาน ทุกคน
ผมสอนการทำงาน ทุกงานทุกหน้าที่ของตำรวจโรงพัก แบบเอาประสบการณ์ทำงาน เอาตัวระเบียบ เอาตำรา มากางว่ากันเลย
ดังที่ผมเกริ่นมาแต่ต้น ผมเคยเป็น รอง สว. มาทุกสายงาน รวม 11 ปี มันคงไม่ใช่ความบังเอิญแน่ ๆ
ผมเน้นหนักเป็นพิเศษคือ เรื่องการบริการ และการสร้างความเข้าใจให้กับชาวบ้านผู้มาติดต่อ
ทุกวันหลังจากประชุมชี้แจงภารกิจ พอตรวจงานช่วงเช้าเสร็จ ผมจะเดินออกจากโรงพัก ไปพูดคุยกับชาวบ้านตามห้องแถว พบคนเฒ่าคนแก่ รีบยกมือไหว้ สอบถามความเป็นอยู่ด้วยความรู้สึกห่วงใยแบบลูกหลาน
พบเด็กเล็กเด็กน้อยที่อยู่กับพ่อแม่ ก็ลูบหัวบ้าง ขออุ้มบ้าง และพูดอวยพร หลายคนขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ที่อุ้มลูกหลานเขา
มีอยู่รายหนึ่งเป็นเด็กหญิงอายุขวบเศษ ร้องไห้เก่งมาก ร้องเสียงดัง ร้องไม่หยุด ผมเลยบอกว่า<ร้องเก่งยังงี้ เรียกชื่อว่า <พุ่มพวง>ดีกว่า>
หลายเดือนต่อมา ดร.อนุวรรตน์ วัฒนพงศ์ศิริ อดีต สส.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นอดีต รมต.ฉายาว่าด็อกเตอร์แมลง กับนายพยนต์ พิเรนธร ผวจ.บุรีรัมย์ และคณะมาเยี่ยมชมโรงพักชั่วคราวแบบไม่บอกล่วงหน้า
ดร.อนุวรรตน์ ได้พูดคุยซักถามผมหลายเรื่อง แล้วพูดคุยกับชาวบ้านที่มาติดต่องานกับตำรวจ จากนั้นหันหน้ามาทางผมแล้วพูดว่า<ถ้าสารวัตรลงสมัครรับเลือกตั้ง สส. แข่งกับผม ในเขตห้วยราชผมคงไม่ได้คะแนนเลย>
นายพยนต์ พูดเสริมอีกว่า<ผมชอบสารวัตรตั้งแต่คดีฉ้อโกงประชาชนแล้ว ตั้งใจว่า จะเสนอให้เป็น<ข้าราชการพลเรือนดีเด่น>น่าภูมิใจนะ>
เมื่อคณะของท่านทั้งสองกลับไป สิ่งที่หลงเหลือไว้คือลายลักษณ์อักษรในสมุดตรวจเยี่ยม ด้วยข้อความระรื่นหูที่เป็นกำลังใจ
ผมย้ายจาก สภ.กิ่ง อ.ห้วยราช เมื่อปลายปี พ.ศ. 2534 ไปอยู่อีกหลายแห่ง ตามวิถีราชการ และได้ย้ายกลับมาเป็น ผกก.สภ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ เมื่อปลายปี พ.ศ. 2545
วันหยุดราขการวันหนึ่ง ผมขับรถยนต์ส่วนตัวไปห้วยราช ถิ่นเก่า จอดรถหน้าห้องแถวสีฟ้าซีดที่เคยใช้เป็นที่ทำการโรงพักชั่วคราว ผมเดินช้า ๆ ไปตามถนน มองซ้ายทีขวาที ไปตามบ้านช่องผู้คน
เจ๊เอ็ง เจ้าของร้านขายอาหารซึ่งเห็นผมกำลังเดินอยู่ ส่งเสียงตะโกนโหวกเหวกบอกเพื่อนบ้าน<สารวัตรไอยศูรย์มา สารวัตรไอยศูรย์มา>
จากนั้น คนเฒ่าคนแก่ คนหนุ่มคนสาว รวมทั้งเด็กเล็กเด็กน้อย พากันออกมายืนหน้าบ้าน มองดูผมกันใหญ่
ยังจำกันได้หลายคน บางคนยิ้มให้ บางคนยกมือไหว้
ผมยิ้มและยกมือไหว้ตอบทักทายไปตลอดทาง
เสียงเจ๊เอ็ง ตะโกนดัง ๆ อีกครั้งว่า<พุ่มพวงอยู่ไหน ? พุ่มพวงอยู่ไหน ? ไปบอกพุ่มพวงว่า ลุงสารวัตรไอยศูรย์มา>
เจ๊เอ็งหันหน้ามาทางผมและพูดต่ออีกว่า<สารวัตรจำพุ่มพวงคนที่ร้องไห้เก่ง ๆ แล้วสารวัตรตั้งชื่อให้ได้มั้ย ? ชาวบ้านยังเรียกชื่อนี้มาตลอดเลย>
ผมยิ้มยกมือไหว้สวัสดีทักทายเจ๊เอ็ง และพูดว่า<จำได้ครับ ดีใจครับที่ยังเรียกกันอยู่ คงโตเป็นสาวน้อยแล้วสินะ พุ่มพวง>
ผมพูดไปก็ยิ้มไปด้วยความปิติปลาบปลื้ม แต่ที่ชื่นใจที่สุดก็คือ<แม้กาลเวลาจะผ่านไปนานนับสิบปี แม้ยศตำแหน่งผมจะสูงขึ้นผมก็ยังคงเป็นสารวัตรของพี่น้องชาวห้วยราชอยู่เสมอ>
เป็นความทรงจำที่สวยงามของผมอดีต <ห้วยราช 1> ครับ
พล.ต.ต.ไอยศูรย์ สิงหนาท