เปิดหน้ากากเผด็จการ “ฮุนเซน” จอมเจ้าเล่ห์ ทรราชหลงยุค สวมวิญญาณร้าย “พระยาละแวก”
จากการเปิดโต๊ะเจรจา JBC ที่กัมพูชา วิพากย์วิจารณ์กันว่า ไทยเกือบเพลี่ยงพลํ้า ในเล่ห์กลเขมร ที่อ้างสิทธิ์ 3 ปราสาท 1 พื้นที่ต่อศาลโลก ใช้เทคนิค “ลักไก่” ระหว่างเจรจาเสนอเรื่องศาลโลก โดยให้มีบันทึกการประชุม หวังใช้หลักฐานว่า ฝ่ายไทยรับรู้ มัดมือชก เป็นกลลวง ใช้ทุกรูปแบบ หลายฝ่ายระบุ “ไทยหน้าแตก ในที่ประชุม !”
“เขมร” ยามนี้ถึงยุค “ธรรมเสื่อม มารผยอง” เมื่อ “ฮุนเซน” จอมเผด็จการเจ้าเล่ห์ เผยตัวตนออกมาอย่างชัดแจ้ง ใช้ประสบการณ์อันโชกโชน โฆษณาชวนเชื่อ ปลุกระดม หลอกลวง “ชาวกัมพูชา” ทางวาทะศิลป์ เบี่ยงเบน ประเด็นการเมืองภายในประเทศตนเอง ปกปิดบาดแผลอัน “เหวอะหวะ” ของตระกูล “ฮุน” ต่อชาวกัมพูชา และบรรดาอีกา ที่คอยจิก อย่างหวาดระแวง
เกือบ 40 ปีที่ผ่านมา “ฮุนเซน” ลืมไมตรีของไทย อย่างหมดสิ้น ลืมความช่วยเหลือ ด้านต่างๆ ทั้งภาคเกษตรกรรม ด้านคมนาคม ที่เคยดำเนินการให้มหาศาลฯ
ด้วยท่าทีกะล่อน พลิกพลิ้ว “สร้างภาพ” ล้วนเป็นการโปรโมทตัวเอง-ลูกชาย และบริวารว่านเครือทั้งสิ้น
“ฮุนเซน” เคยแสดงออกเกรี้ยวกราด ข่มขู่ คุกคาม ต่อประเทศไทย ถึงขั้นประกาศสั่งยิงคนไทย ที่ข้ามแดนเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาติ แถมเล่นสงครามจิตวิทยา จนฝ่ายไทยต้อง ปวดเศียรเวียนเกล้า และรำคาญ นับครั้งไม่ถ้วน เขาสนองนโยบาย และยุทธศาสตร์ตัวเองที่กำหนดขึ้น “โดยต้องการให้ชาวเขมร กว่า 14 ล้านคนเชื่อถือ ศรัทธา ในความเป็นผู้นำเจ้าเล่ห์ของเขา !”
ที่ผ่านมา “ฮุนเซน” กุมอำนาจรัฐเต็มที่ เป็เผด็จการหลงยุค บริหารบ้านเมืองมายาวนาน จากประเทศด้อยพัฒนา ด้วยความช่วยเหลือ และการบริจาค ของนานาชาติ ต้องกลับกลาย เป็นประเทศที่หยิ่งยโส ด้วยผู้นำเผด็จการ
“เกือบ 40 ปีที่ผ่านมา ว่ากันว่า หากไม่มีประเทศไทย เขมรจะไม่มีวันนี้อย่างเด็ดขาด” !! การฆ่าหลั่งเลือดทาแผ่นดิน อาจจะวังไม่จบสิ้น ! การทำให้เขมรสงบ ปราศจากเสียงปืน ก็เป็นการช่วยเหลือจากประเทศไทย การพัฒนาบ้านเมืองสารพัด ก็เป็นการช่วยเหลือจากประเทศไทย ผู้อพยพ ” หนีตาย “ จากเขมร ก็ได้แผ่นดินไทยเป็นที่พักพิง

ภาพจาก : MGR Online
“อาหารปาก อาหารตา อาหารใจ และอาหารสมอง ล้วนไปจากประเทศไทยแทบทั้งสิ้น !”
บ่อนคาสิโนตามชายแดน ที่เป็นเม็ดเงินหล่อเลี้ยงรัฐบาลเขมร ก็เป็นของคนไทย ภาษีเถื่อน ภาษีถูก ก็ไปจากคนไทย ทำให้เศรษฐกิจเขมรดีขึ้น “การบริจาคช่วยเหลือนานาชาติ ที่เข้าเขมร ก็ผ่านประเทศไทยกว่าครึ่งค่อน !”
กลเกมส์ “ฮุนเซน” ดำเนินมาต่อเนื่อง ชักเข้า ชักออก มีท่าทีแข็งกร้าวต่อประเทศไทย เคยส่ง กองพลน้อย 911 ประชิดชายแดนอย่างคึกคัก สางปม “เขาพระวิหาร”

ภาพจาก : มติชนออนไลน์
ย้อนดูอดีตความเป็นมาของ “ฮุนเซน” บุคคลธรรมดาสามัญชน ที่สถาปนาตัวเองเป็นถึง “สมเด็จ อัครมหาเสนาบดีเดโช” มีอำนาจเบ็ดเสร็จ กุมอำนาจทางความมั่นคง และศาลยุติธรรม มาเกือบ 40 ปี
ความสำเร็จไม่ใช่โชค หรือบังเอิญ แต่ความเป็นผู้นำโดยธรรมชาติ ทำให้เด็กชาวนา ที่ไม่จบ ชั้นมัธยมปลาย จากจังหวัดกำปงจาม ก้าวสู่ตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีเดโช นายกรัฐมนตรียาวนานแห่งกัมพูชา นอกจากปฏิภาณไหวพริบดี ปรับท่าทีรวดเร็วแสนเจ้าเล่ห์ สอดคล้องกับวัตถุประสงค์และสถานการณ์ ท่าทีของเขา มักทำให้ฝ่ายตรงข้าม ประหลาดใจ แบบ “คาดไม่ถึง” เสมอ
“การเล่นละครการเมือง เป็นบทที่ ฮุนเซน ถนัดมากที่สุด ยากใครจะตั้งรับได้ทัน !”
“ฮุนเซน” เป็นคนที่หวาดระแวงอย่างยิ่ง เกรงว่าธุรกิจ มหาศาลสีเทา จะสูญหาย จึงสะสมกำลังทหาร ส่วนตัวไว้ยาวนาน คือ “กรมราชองค์รักษ์” ไว้ป้องกันตัว
สิ่งที่เป็นพรสวรรค์ของเขาอีกอย่าง คือ “วิธีโฆษณาชวนเชื่อ” ช่วงเคลื่อนใหว ต่อต้านรัฐบาลในชนบท เขาอุทิศ เวลาไปกับการปลุกระดม ชาวไร่ชาวนา ให้ต่อต้านเจ้าของที่ดิน และตระหนักถึงความไม่เป็นธรรม ในสังคม
“เครื่องมือของเขาที่ใช้ทำลายศัตรูทางการเมือง คือวาทะศิลป์ และใบปลิว !”
เขาสามารถปลุกเร้ามวลชนให้ยืนอยู่เคียงข้างเขาปลุกความเป็นชาตินิยม ยามที่ด้อยกว่า เขาพยายามประคองตัว แต่ยามที่เหนือกว่า หรือเป็นต่อ เขาจะบดขยี้ศัตรูทางการเมือง จนไร้พื้นที่ยืน กร้าวร้าวข่มขู่ ถึงที่สุด แม้มิได้ผ่านการศึกษาในโรงเรียนทหาร แต่ประสบการณ์ในสนามรบได้หล่อหลอม “ฮุนเซน” เป็นนักยุทธศาสตร์เหี้ยมโหดแหลมคม
“ว่ากันว่า ฮุนเซน คือสาวกพันธ์แท้ ของ มาเคลียร์ เวลลี่ และ โจโฉ อย่างแท้จริง !”
เขาเป็น “ผู้นำเจ้าเล่ห์” คุมอำนาจ เป็นทรราชหลงยุค มานานมาก วิพากย์กันว่า ยามนี้ เห็นทีเป็น “โดมิโน” ตัวสุดท้าย หลังตกเป็นอาณานิคมฝรั่งเศส ทำให้ชาวเมืองเดือดร้อนแสนสาหัส ท่ามกลางความรํ่ารวย ของกลุ่ม “ตระกูลฮุน” เพียงกระจุกเดียว !
“ประเทศที่เคยฆ่าฟัน กันเองล้างเผ่าพันธุ์ เกือบสิ้นซาก กำลังถึงยุคแห่งการเปลี่ยนแลง ครั้งใหญ่ ด้วยนํ้ามือของ พระยาละแวก ตนนี้ อย่างแน่นอน”