30 กรกฎาคม 2568 ทนายไพศาล พืชมงคล ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Paisal Puechmongkol ใจความว่า…
มาเรียนรู้พิชัยสงครามกันเถิด ตอนที่ 2
โดยเรืองวิทยาคม
2. สงคราม คือความต่อเนื่องของการเมือง และเป็นเรื่องของการเมือง
(1.) สงครามไม่ใช่ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นโดยโดดเดี่ยว แต่เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจากความขัดแย้งระดับกว้างใหญ่ หรือนัยหนึ่งก็คือเรื่องของการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องของผลประโยชน์ ระดับต่าง ๆ ตั้งแต่ระดับเล็ก ไปจนถึงระดับประเทศชาติ หรือนานาชาติ
เมื่อใดที่ผลประโยชน์ทางการเมือง สมคล้อยเป็นประโยชน์ด้วยกันก็จะมีความร่วมมือเป็นพันธมิตรกัน มีสถานะที่เป็นมิตรไมตรีกัน แต่ถ้าเมื่อใดที่ผลประโยชน์ไม่ลงตัว หรือขัดแย้งกัน ก็จะเกิดความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้นในระดับต่างกัน จนกระทั่งถึงจุดหนึ่งก็จะใช้อาวุธหรือแสนยานุภาพเพื่อตัดสินความขัดแย้งนั้น
ดังนั้น สงครามจึงเกี่ยวเนื่องจากการเมืองหรือผลประโยชน์ทางการเมืองและเป็นผลโดยตรงจากการเมือง ดังนั้น สงครามจึงเกี่ยวเนื่องและเป็นผลโดยตรงกับเรื่องการเมือง
เหตุนี้ เหมา เจ๋อตง จึงกล่าวว่า “การเมืองคือสงครามที่ไม่หลั่งเลือด และสงครามก็คือการเมืองที่หลั่งเลือด”
เพราะเหตุที่การเมือง เป็นเรื่องของผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับความชอบธรรมหรือความเป็นธรรม หรือความอยุติธรรม หรือความเอาเปรียบข่มเหงอย่างลึกซึ้ง ชนิดแยกกันไม่ออกด้วย
ดังนั้น สงครามซึ่งเป็นเรื่องต่อเนื่องจากการเมือง จึงเป็นสงครามที่ต่อเนื่องจากผลประโยชน์ที่เป็นธรรมหรือไม่เป็นธรรมด้วย เหตุนี้ จึงมีการจำแนกสงครามว่า สงครามทั้งหลาย มี 2 ประเภทคือสงครามที่เป็นธรรมและสงครามที่ไม่เป็นธรรม
มีการขยายความด้วยว่า สงครามรุกรานทั้งปวง เป็นสงครามที่ไม่เป็นธรรม สงครามที่ต่อต้านการรุกรานทั้งปวงเป็นสงครามที่เป็นธรรม
และมีการสรุปเป็นกฎของสงครามว่า “ในที่สุด สงครามที่เป็นธรรม จะชนะสงครามที่ไม่เป็นธรรม”
มีการขยายความ ในมิติของประชาสังคมว่า สงครามเพื่อผลประโยชน์ของประชาชาติส่วนใหญ่ หรือที่เรียกว่าสงครามปฏิวัติก็เป็นสงครามที่เป็นธรรม ส่วนสงครามที่ต่อต้านการปฏิวัติหรือทำลายผลประโยชน์ของประชาชาติ คือสงครามที่ไม่เป็นธรรม ที่มีอนาคตจะต้องพ่ายแพ้เช่นเดียวกัน
การวินิจฉัยสงครามข้อแรกสุดก็คือ ต้องวินิจฉัยว่าสงครามนั้น เป็นสงครามที่เป็นธรรมหรือไม่เป็นธรรม เป็นสงครามปฏิวัติหรือสงครามปฏิปักษ์ปฏิวัติ ก็จะวินิจฉัยผลที่สุดของสงครามได้ ว่าในที่สุดแล้วฝ่ายไหนจะได้ชัย ฝ่ายไหนจะปราชัย
และจะสามารถทราบต่อไปว่า จะทำสงครามหรือไม่
การวินิจฉัยผลสุดท้ายของสงครามอย่างถูกต้อง จึงเป็นจุดชี้ขาดแพ้ชนะของสงครามตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว และย่อมหมายความต่อไปว่าถ้ายังไม่สามารถวินิจฉัยผลสุดท้ายของสงครามได้ ก็จะเข้าทำสงครามไม่ได้