สังคม “ลมใต้ปีก” ประจำวันอังคารที่ 30 ธันวาคม พุทธศักราช 2568
ก้าวสู่ปีมะเส็ง 2569…คิดถึงโคลงโลกนิติ “งูเล็ก เท่าสายพาน พิษยิ่ง.. ไฟเล็กเท่าหิ่งห้อย อย่าได้ดูแคลน !”…. 000

การลงนาม “ข้อตกลงหยุดยิง” ระหว่างไทย- กัมพูชา ต่าง “ซื้อเวลา” ไประยะหนึ่งช่วงปีใหม่… ไม่มีอะไร “เป็นหลักประกัน” ในสัญญาว่า จะปะทุ ขึ้นตอนไหน “เป็นแค่ไฟซ่อนเชื้อ” ชีวิตของทหาร ประชาชน และทรัพย์สิน พินาศสูญเสียไปเท่าไหร่ ?… ผู้คนในพื้นที่สงคราม หนีตาย “อพยพกว่า 5 แสนคน” จะเอายังไงต่อไป…จะได้ฉลองปีใหม่ ท่ามกลางเสียงปืนใหญ่ และ “ไข่นำวิถี” กันอีกหรือไม่…เชื่อยังไงว่า สองพ่อลูก อำมะหิต “ฮุนเซน” ไม่เบี้ยวอีก !…การเก็บกู้ทุ่นระเบิดแนวชายแดน “ราบรื่น” จริงหรือ ?.. ล้วน เป็นคำถามคาใจ ที่ใครก็ให้คำตอบไม่ได้…000
“กัมพูชา” จะปฏิบัติตามปริญญา 4 ข้อหยุดยิง ??.. ขนาดมี “ผู้นำสหรัฐฯ และประธานอาเซียน” เป็นสักขีพยาน ลงนามสันติภาพ “เขมร” ยังไม่เข็ดหลาบ “แหกกฏ เบี้ยวดื้อๆ” นับประสาอะไรกับ “รมว.กลาโหม สองชาติ” มาพบกัน ในข้อตกลง !!….000
ทางด้าน “สายมู” ผู้คนเฝ้าดู ชะตากรรม เฒ่าเจ้าเล่ห์ “ฮุนเซน” จะกระดอน กระเด็น จากอำนาจ “ตกเก้าอี้ผู้นำกัมพูชา” เมื่อไหร่ ? “ชินแสเข่ง” อ.ชนม์ทรรศน์ ฤทัยผ่อง ผู้อำนวยการสถาบันโหราศาสตร์พยากรณ์ แห่งประเทศไทย… ได้คำนวนดวง “ฮุนเซน” ไว้ อย่างน่าติดตาม… 000

“ชินแสเข่ง” กางดวง จิ้งจอกเฒ่าฮุนเซน ระบุตกดวง “ทำลายล้าง!” นำไปสู่ ความแตกแยก วุ่นวายสับสน… คีย์ตามพื้นดวงตัวจริง “ฮุนเซน” เกิด 5 สิงหาคม 2495 เป็นคนอำมหิต “มีดวงฆาตกร ชัด !” แม้ตัวจะเป็นผู้นำ แต่กำลังธาตุ ในดวงชะตา “มีผลทำลายล้าง” ถึงคราพลัดพราก… ในปี 2570 ดวงชะตา มีเกณฑ์แตก แยก…จากนี้ไป จะเกิด “กลียุค !” มีความเปลี่ยนแปลง ปี 2571 หากมีการปฏิวัติ ความสงบสุขของ “กัมพูชา” จะกลับมา หลังจากนั้น… 000
“เริ่มแล้ว !!” ฤดูกาลเลือกตั้ง ปี่กลองการเมือง โหมโรงคึกคัก “กระแส ฤาจะสู้ กระสุน !” ธนกิจธิปไตย ส่องแสงไฉไล ปูพรม กันทุกป้อมค่าย… มหาวิทยาลัยหอการค้า ระบุว่า “เงินสะพัดทั่วไทย” ถึง 4-6 หมื่นล้านบาท กระตุ้นกำลังซื้อ หนุนเศรษฐกิจไทย ช่วงไตรมาศแรก ของปีใหม่.. ได้อัดฉีด “ธนบัตรธิปไตย” ชาวบ้านลืมตา อ้าปาก ระยะสั้น !…ถือว่า “เป็นคุณ” กับปากท้อง… 000

ถ้า “พรรคภูมิใจไทย” ได้เป็นแกนนำ จัดตั้งรัฐบาล… ถามกันว่า จะแบ่งเก้าอี้รัฐมนตรี ให้ลงตัว อย่างไร ?… หลายมุ้ง หลายค่าย ที่เฮโล กันเข้ามาล้วน “บ้านใหญ่”.. คนเด่น คนดัง “อดีตรัฐมนตรี” ทั้งสิ้น ! ว่ากันว่า “คนนอก” อาจถูกตัดออกไป “เพราะไม่มีที่ยืน” ไหนพรรคร่วม แต่ละท่าน ระดับ “บิ๊ก ๆ” ทั้งนั้น… งานนี้ “อนุทิน – เนวิน” เห็นทีต้อง ปวดเศียร เวียนเกล้า เป็นแม่นมั่น !….การเมือง เป็นเรื่อง “ผลประโยชน์จริง ๆ” อย่างที่เคยว่าไว้ การได้อำนาจ ไม่สำคัญเท่ากับการ “รักษาอำนาจ” เพราะการรักษาอำนาจได้อย่างถาวรนั้น “ยากเย็นแสนเข็ญยิ่งกว่า !”…. 000 ส่วนการ ประกาศยุทธการ “ไม่จับมือพรรคการเมืองต่างขั้ว” ล้วนเป็น กลยุทธ์ หาเสียง เดินเกม เลือกตั้ง เท่านั้น…ต่างฝ่าย ต่างดึงเสียง คนยังลังเล ซึ่งมีจำนวนมาก ยังไม่ตัดสินใจ “เข้าสู่ฝ่ายตน” … 000 ที่ผ่านมา กล่าวกันว่า “ประเทศไทย” มีอะไรแปลกๆ ! การเลือกตั้งเชิงนโยบาย “ผู้ชนะเสียงข้างมาก กลับไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล”… ฝ่ายแพ้ ตั้งหน้าดูดเสียง “รวมหัวกันจัดตั้งรัฐบาล” หลังเลือกตั้ง .. มีให้เห็นกันมาแล้ว… 000
ศึกเลือกตั้ง ครั้งนี้ แม้ทุกโพล สะท้อนภาพเดียวกัน “พรรคประชาชน” ยังนำเป็นอันดับหนึ่ง คะแนนรวมของประเทศ… ยังมีการวิเคราะห์ว่า เพียงชนะขาด ในเขตเมือง “แต่ไม่กระจายพอ ในเขตชนบท”… พรรคยังถูกมองว่า ครอบงำทางจิตวิญญาน โดย “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ”… เชื่อกันว่า เสียงของ “พรรคประชาชน” ครั้งนี้ จะลดลงอย่างมี “นัยยะ สำคัญ” กลายเป็นฝ่ายค้านแบบเดิม… การกลับมาของ “อภิสิทธิ์ เวชาชีวะ” ภายใต้บริบท “พรรคประชาธิปัตย์” ยังดึงคะแนน ออกจากเขตเมือง บางส่วน ได้อีก….000

“พรรคเพื่อไทย” มีฐานคะแนนหลัก อยูในชนบท ภาคเหนือ และ อีสาน ซึ่งเป็นฐาน ที่ไม่แสดงออก ในโลกโชเซียล “บรรดา สส. ยังรวมเป็นกลุ่มก้อน” ความทรงจำเชิงนโยบาย “ทักษิณ” ยังเป็นสัญลักษณ์ ทางอารมณ์ การดัน หลานชาย “ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์” ขึ้นมาเป็นแคนดิเดต สะท้อนการส่งต่อ “อำนาจ” ว่าพรรคยังไม่ตัดขาดจาก “เงาของ ทักษิณ ได้”….000
“พรรคภูมิใจไทย” ขยายฐานอำนาจ อย่างต่อเนื่อง “ผ่านการดึงบ้านใหญ่ กลุ่มอิทธิพล ท้องถิ่น” เข้าสังกัดมากกว่าทุกครั้ง ทำให้มีโอกาส “เป็นผู้กำหนดเกม หลังเลือกตั้ง” แม้ไม่ใช่พรรคที่ ได้คะแนนนิยมสูง ในโพลก็ตาม… สุดท้าย “จะไม่มีพรรคใด ครองเสียงข้างมาก อย่างแท้จริง !” อำนาจ จะอยู่ที่ “การต่อรอง”.. ไม่ใช่ “ชนะขาด !”…000

















