24 มิถุนายน 2523 บันทึกการก่อตั้ง สมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
ธรรมนูญสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
คำปรารภ
เรา – สมาคมของผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์ทั้งหลาย เห็นพ้องต้องกันว่า
เพื่อส่งเสริมความรุ่งเรืองและความมั่นคงของวิชาชีพหนังสือพิมพ์เพื่อส่งเสริมเอกภาพและภราดรภาพของนักหนังสือพิมพ์
เพื่อส่งเสริมองค์กรของนักหนังสือพิมพ์ ให้ทรงประสิทธิภาพในการรังสรรค์ความก้าวหน้า, ความยุติธรรม, เสรีภาพและสันติสุขในสังคม
เพื่อดำรงไว้ซึ่งเกียรติและศักดิ์ศรีของนักหนังสือพิมพ์และ,
เพื่ออนุวัตรให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์แห่งสมาคมทั้งหลายที่มาพร้อมกันในวันนี้
จึงพร้อมกันสถาปนาสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยขึ้น ณ บัดนี้
วัตถุประสงค์
ข้อ 3. สมาพันธ์มีวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้
3.1 ส่งเสริมวิชาชีพหนังสือพิมพ์ให้มีเกียรติมีศักดิ์ศรี
3.2 ส่งเสริมและรักษาไว้ซึ่งเสรีภาพของหนังสือพิมพ์ ตลอดจนความรับผิดชอบและจรรยาบรรณของนักหนังสือพิมพ์
3.3 เสริมสร้างสวัสดิภาพ, ส่งเสริมสวัสดิการและสนับสนุนสิทธิอันชอบธรรมของนักหนังสือพิมพ์
3.4 ส่งเสริมความสามัคคีและภราดรภาพของนักหนังสือพิมพ์
3.5 สนับสนุนและส่งเสริมให้หนังสือพิมพ์มีบทบาทในการสร้างสรรค์ความสมบูรณ์พูนสุขความเป็นธรรมและสันติสุขในสังคม
3.6 ร่วมมือกับองค์กรและนักหนังสือพิมพ์ในนานาประเทศเพื่อสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างกัน รวมทั้งผดุงมิตรภาพและสันติภาพของโลก
ชื่อ
ข้อ 1. สมาพันธ์นี้ เรียกชื่อว่า
“สมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย” ชื่อย่อว่า “ส.นสพ.” ชื่อภาษาอักฤษว่า “Confederation of Thai Jounalists ชื่อย่อว่า “CTJ”
สมาชิกผู้เริ่มการ
ข้อ 2. สมาพันธ์สมาชิกผู้เริ่มการได้แก่ สมาคมหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย, สมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย, สมาคมนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย, สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย, สมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย , สมาคมผู้สื่อข่าวบันเทิงแห่งประเทศไทย, สมาคมผู้สื่อข่าวที่กีฬาแห่งประเทศไทย และสมาคมช่างภาพสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย .
คณะกรรมการบริหาร
ข้อ 8. คณะกรรมการบริหารสมาพันธ์ประกอบด้วย ประธาน รองประธาน เลขาธิการและกรรมการเจ้าหน้าที่อื่น
ให้นายก-อุปนายก-เลขาธิการ- เหรัญญิกของสมาพันธ์สมาชิกเป็นกรรมการบริหารสมาพันธ์โดยตำแหน่ง โดยให้เลือกกันเองดำรงตำแหน่งตามวรรคแรก
สำหรับตำแหน่งประธานและรองประธาน กรรมการบริหาร ให้เลือกจากนายกของสมาพันธ์สมาชิก.
ข้อ 9. คณะกรรมการบริหารมีอำนาจและหน้าที่ดังต่อไปนี้
9.1 บริหารงานของสมาพันธ์ให้บรรลุตามวัตถุประสงค์
9.2 กำหนดโครงการและกิจกรรม ที่ต้องปฏิบัติของแต่ละปี
9.3 กำหนดจรรยาบรรณและข้อบังคับของสมาพันธ์
9.4 จัดทำงบประมาณและตั้งผู้ตรวจสอบบัญชี
9.5 ดำเนินการใดที่จำเป็นต่อการส่งเสริมคุ้มครองและรักษาไว้ซึ่งสิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรม
สมาชิกภาพ
ข้อ 4. สมาคมของผู้ประกอบวิชาชีพหรือพิมพ์ ซึ่งได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลโดยชอบด้วยกฎหมาย เห็นชอบกับวัตถุประสงค์และยอมรับปฏิบัติตามธรรมนูญนี้ มีสิทธิสมัครเป็นสมาชิกของสมาพันธ์ เมื่อได้รับตามเห็นชอบจากคณะกรรมการบริหารด้วยมติเอกฉันท์ของสมาพันธ์สมาชิกทั้งหมดและปฏิบัติตามเงื่อนที่ญัตติไว้ในธรรมนูญนี้ครบถ้วนจึงมีฐานะเป็นสมาชิกของสมาพันธ์ที่ทรงสิทธิและหน้าที่ตามธรรมนูญนี้
ข้อ 5. สมาพันธ์สมาชิกทั้งหลายสิทธิและหน้าที่เท่าเทียมกัน
สมาพันธ์สมาชิกหนึ่งมีหนึ่งเสียง.
ข้อ 6. สมาพันธ์สมาชิกต้องเสียค่าบำรุงสมาพันธ์ตามที่คณะกรรมการบริหารกำหนด.
องค์กรสมาพันธ์
ข้อ 7. สมาพันธ์มีองค์กร ดังนี้
7 .1 คณะกรรมการบริหาร
7 .2 สำนักเลขาธิการ
7.3 คณะที่ปรึกษา
คณะที่ปรึกษามีหน้าที่ให้คำแนะนำและคำปรึกษาแก่คณะกรรมการบริหาร .
คณะที่ปรึกษาอยู่ในตำแหน่งตามวาระของคณะกรรมการบริหารที่แต่งตั้ง.
การเงินและบัญชี
ข้อ 18. การเงินและบัญชีของสมาพันธ์ ให้เป็นไปตามระเบียบและข้อบังคับที่คณะกรรมการบริหารกำหนด .
รายได้ของสมาพันธ์มาจากเงินค่าบำรุง, เงินอุดหนุนหรือเงินบริจาคโดยไม่มีเงื่อนไขและเงินรายได้จากกิจกรรมต่างๆ ที่สมาพันธ์ดำเนินการ.
ข้อ19. ให้มีผู้ตรวจสอบบัญชีหนึ่งคนโดยคณะกรรมการบริหารเป็นผู้แต่งตั้ง.
การแก้ไขธรรมนูญ
ข้อ 20. ธรรมนูญนี้อาจแก้ไขได้โดยการริเริ่มของกรรมการบริหารหรือโดยสมาพันธ์สมาชิกที่เสนอผ่านผู้แทนของตนในคณะกรรมการบริหาร .
มติให้แก้ไขธรรมนูญต้องมีเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของสมาพันธ์สมาชิกทั้งหมด.
แห่งวิชาชีพหนังพิมพ์ สมาพันธ์สมาชิก สาธารณชนและสังคม .
ข้อ 10. คณะกรรมการบริหารต้องประชุมอย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้ง
การประชุมต้องมีสมาพันธ์สมาชิกเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่าสองในสามของสมาพันธ์สมาชิกทั้งหมดจึงถือเป็นองค์ประชุม
การนับคะแนน ให้ถือสมาพันธ์สมาชิกหนึ่งเป็นหนึ่งเสียง
การลงมติ หากมิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่นให้ถือตามเสียงข้างมาก ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมเป็นผู้ชี้ขาด .
ข้อ 11. คณะกรรมการบริหารอยู่ในตำแหน่งคราวละหนึ่งปี
กรรมการบริหารพ้นจากตำแหน่งเมื่อออกตามวาระ ลาออก หรือพ้นจากตำแหน่งให้คณะกรรมการบริหารในสมาคมที่ผู้นั้นสังกัดอยู่
กรณีที่กรรมการบริหารต้องออกจากตำแหน่งก่อนถึงคราวออกตามวาระให้สมาพันธ์สมาชิก ที่ผู้นั้นนั้นสังกัด-