สมาคมชาวอีสาน ประสานสิบทิศ
สร้างจิตสำนึก กับแนวหลัง
“รวมพลังคนไทย ส่งใจไปชายแดน”
ตามที่ ได้เกิดสงครามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ระหว่าง วันที่ 24 – 28 กรกฎาคม 2568 นอกจากมีการปะทะของทหาร 2 ฝ่ายแล้ว กัมพูชายังมีเจตนาใช้เครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง ( BM-21 ) และปืนใหญ่อากาศ จำนวนมากยิงรุกล้ำแนวชายแดน ด้านภาคอีสานเข้าสู่บ้านเรือนพี่น้องคนไทย ส่งผลให้พี่น้องคนไทย บาดเจ็บ ล้มตาย และบ้านเรือนเสียหายจำนวนมาก นั้น
กองทัพไทยได้สนธิกำลัง จากกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองกำลังทหารพราน ทำการรบต่อสู้กับกองกำลังทหารกัมพูชา เพื่อปกป้อง อธิปไตยของชาติ และชีวิตทรัพย์สินประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล โดยสามารถดำเนินกลยุทธ์ บรรลุเป้าหมายตามวัตถุประสงค์ทางทหารที่กำหนดไว้ ทุกประการ
สำหรับ สถานการณ์การสู้รบด้านภาคอีสาน ภายใต้การบัญชาการรบของ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 นับว่า มีภาวะผู้นำทางทหารในยามวิกฤติดียิ่ง และตัดสินใจภายใต้แรงกดดันต่างๆ อย่างรวดเร็ว ทันสถานการณ์ ประกอบกับ แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่ กับกำลังพลในสมภูมิ อย่างองอาจกล้าหาญ สามารถยึดพื้นที่เชิงยุทธศาสตร์ไว้ได้ทั้งหมด อีกทั้งยังทำลายกองกำลังฝ่ายข้าศึก เกิดความเสียหาย บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก
สมาคมชาวอีสาน ขอสดุดีวีรกรรม แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมทหารกล้าทุกนาย ที่ยอมเสียสละทุกอย่าง เพื่อทำการรบให้สำเร็จในการปกป้องอธิปไตยชาติ ครั้งสำคัญนี้ สมาคมชาวอีสานจึง สำนึก และขอตอบแทน บุญคุณของทหารกล้าทุกนาย ทั้งที่เสียชีวิตไปแล้ว และยังมีชีวิตเพื่อทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยชาติอีกต่อไป โดยจะทำหน้าที่ “ประสานสิบทิศ” ถึง “กัลยาณมิตร” พร้อมกับ ทอดสะพานบุญ “รวมพลังคนไทย ส่งใจไปชายแดน” รณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้คนไทยในแนวหลัง บริจาคปัจจัย ,ข้าวสาร , อาหารแห้ง , น้ำดื่ม และยารักษาโรค ส่งถึงแนวหน้า
ในการนี้ สมาคมชาวอีสาน พร้อมด้วยศิลปินอิสระหลายค่ายหลายสำนัก ได้เดินทางไปรับการบริจาคปัจจัยฯ ตามสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น ตลาดนานาเจริญ ( คลอง 2 อ. ลำลูกกา จ. ปทุมธานี ) , ตลาดกีบหมู ( คลอง 14 เขตคลองสามวา กทม. ) , ตลาดไอรยา ( คลอง 1 อ. คลองหลวง จ. ปทุมธานี ) ปรากฏว่า พ่อค้า แม่ค้า และผู้มาจับจ่ายใช้สอย ให้ความสนใจ “รวมพลัง ส่งใจไปชายแดน” โดย ร่วมบริจาคทั้งปัจจัย และเครื่องอุปโภค บริโภค ด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส และเต็มใจ
ขณะเดียวกัน ด้วยความเมตตาธรรมจาก “ผู้ใหญ่ใจดี” ได้บริจาคข้าวสาร ผ่านสะพานบุญ สมาคมชาวอีสาน อาทิ บริษัท หจก. โพธิบูรณ์ จำกัด และ บ. ทรัพย์ธารา จำกัด จังหวัดสุพรรณบุรี จำนวน 5 ตัน ( 5,000 กิโลกรัม ) รวมทั้งคุณ ระย้า อิสริยยศวดี บ. รายาวดี จ. เชียงใหม่ บริจาคข้าวหอมมะลิ จำนวน 1 ตัน ( 1,000 กิโลกรัม )
นอกจากนี้ สมาคมชาวอีสาน ยังได้รับความเมตตาจาก “พี่น้องชาวเล” ร่วมส่งใจไปชายแดน ด้วยการบริจาคอาหารทะเลแห้ง เพื่อเป็นการเสริมสร้างอาหาร “ไอโอดีน” ให้พี่น้องชาวอีสาน อาทิ กลุ่ม แขวงการทางปัตตานี นำโดย ท่าน สมัคร ลือดวงหัด ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงปัตตานี พร้อมเจ้าหน้าที่ฯ ได้สนับสนุนอาหารทะเลแห้งชนิดต่างๆ จำนวน 3 กล่องใหญ่ รวมทั้ง ท่าน วสวัติ์ จรูญจิตไพรัช ร้านอาหาร ชมวิว ซีฟู้ด ( ชะอำ – หัวหิน ) ก็สนับสนุนอาหารทะเลแห้ง 2 ถุงใหญ่ และกัลยาณมิตรแห่ง “วัดป่าเขาหินเทิน” หัวหิน จ. ประจวบคีรีขันธ์ โดย ท่าน นพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีนครหัวหินฯ ได้บริจาคปัจจัย และอาหารทะเลแห้ง หลากหลายชนิด
วันที่ 9 กันยายน 2568 เป็นวันฤกษ์งามยามดี โดยกองทัพภาคที่ 2 ได้แจ้งให้สมาคมชาวอีสาน และองค์กรอื่นๆ รวมทั้งประชาชนทั่วไป เข้าคารวะ และมอบปัจจัย หรือ เครื่องอุปโภค – บริโภค แด่ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ณ สโมสรร่วมเริงไชย ค่ายสุรนารี จ. นครราชสีมา เวลา 15.00 น.
เกิดปรากฏการณ์ อันประทับใจในวัน – เวลา และสถานที่ดังกล่าว คือ องค์กรการกุศล ชมรมจิตอาสา และประชาชน จำนวนมากหลั่งไหลรวมกัน เพื่อคารวะ และมอบเครื่องอุปโภค – บริโภค แด่แม่ทัพภาคที่ 2 ภายใต้รอยยิ้มแห่งความรักสามัคคีผู้ร่วมงาน
สมาคมชาวอีสาน ได้รวบรวม “เสบียงบุญ” มอบคารวะ แด่แม่ทัพภาคที่ 2 และทหารกล้าแนวหน้าภาคอีสาน คือข้าวสาร จำนวน 2 ตัน ( 2,000 กิโลกรัม ) , ถุงยังชีพบรรจุอาหารแห้ง จำนวน 100 ถุง และอาหารทะเลแห้ง จำนวน 6 กล่องใหญ่ อีกทั้งก่อนห้วงเวลาดังกล่าว สมาคมชาวอีสาน ก็ได้บริจาคปัจจัย เพื่อบำรุงขวัญทหารกล้า ตาเมือนธม จำนวน 10,000 บาท ( หนึ่งหมื่นบาทถ้วน )
ในวาระอันเป็นมงคล สมาคมชาวอีสาน ยังได้มอบวัตถุมงคล พระธาตุพนม รุ่น ครบรอบ 99 ปี สมาคมชาวอีสาน เป็นเหรียญ นวโลหะ ซึ่งจารอักขระยันต์ โดย หลวงปู่ ศิลา สิริจันโท สุดยอดเกจิอาจารย์ภาคอีสาน แห่งวัดพระธาตุหมื่นหิน จังหวัด กาฬสินธุ์ จำนวน 90 เหรียญ มอบแด่ แม่ทัพภาคที่ 2 อีกด้วย
สุดท้ายนี้ แม่ทัพภาคที่ 2 ได้กล่าวเปิดใจกับพี่น้องชาวไทยที่มาร่วมงานดังกล่าวว่า เมื่อเกษียณอายุราชการแล้ว ท่านจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ทั้งที่มีนักการเมือง และพรรคการเมืองหลายสำนักไปจีบให้ท่านมาร่วมงานด้วย ท่านยังยืนยันที่จะช่วยบ้านเมือง ปลุกจิตสำนึกกับประชาชน โดยเฉพาะกับนักเรียนระดับต่างๆ ให้มีความจงรักภักดี ต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เช่น การเคารพธงชาติไทย การยืนถวายความเคารพเพลงสรรเสริมพระบารมีฯ และการกตัญญูรู้คุณพ่อ – แม่ และครู – อาจารย์