การเมือง

“พลเอกธรรมรักษ์ Come Back! คืนสมรภูมิการเมือง” เบื้องหลังแรงจูงใจการกลับมาในจังหวะสำคัญ


5 พฤศจิกายน 2025, 21:13 น.

 

“พลเอกธรรมรักษ์ Come Back! คืนสมรภูมิการเมือง” เบื้องหลังแรงจูงใจการกลับมาในจังหวะสำคัญ

 

 

  • ท่านคะ การกลับมาเล่นการเมืองครั้งนี้ ท่านมีแนวนโยบายทางการเมืองอย่างไรบ้างคะ

พล.อ.ธรรมรักษ์ : คืออย่างนี้ จริง ๆ ผมไม่ได้กลับมาเล่นการเมือง ผมหยุดเล่นการเมืองนะ ทีนี้หัวหน้าพรรคมาเชิญให้ผมมาช่วยดูพรรคหน่อย ผมก็เลย อ้าว ผมยังพอมีกำลังวังชาอยู่ เลยตัดสินใจมาช่วยดูแลพรรค เพื่อจะได้ให้คำแนะนำอะไรต่าง ๆ ได้ เพราะฉะนั้นไอ้ที่ถามว่า แนวทางกลับมาเล่นการเมือง ผมไม่ได้ตั้งใจกลับมาเล่นการเมือง ผมมาเพื่อให้คำแนะนำ ให้คำปรึกษาจากประสบการณ์ของผม

 

เดิมผมอยู่ไทยรักไทย ผมเป็นประธานอีสานไทยรักไทย ผมสามารถนำผู้แทน มี 136 ที่นั่ง ผมได้ 126 ที่นั่ง ชัยชนะล้นหลาม ประสบการณ์ผมเยอะ ก็อยากจะมาแนะนำ ทีนี้พอคุยกันแล้วเขาบอกว่าถ้าพี่ไม่มีตำแหน่งอะไร มันจะพูดลำบาก เขาก็เลยตั้งผมเป็นประธานที่ปรึกษา ก็เท่านั้น จริง ๆ ผม ไม่ได้ หวนคืนการเมืองอะไร

 

  • คือเขาอยากให้ได้ตำแหน่ง 

พลเอกธรรมรักษ์ : ป่าว อย่างนั้น ถ้าผมพูดอะไรไป มันไม่ศักดิ์สิทธิ์ เขาก็เลยแต่งตั้งผม แต่ความมุ่งหมายผมไม่ใช่ ผมไม่ได้หวนคืนการเมืองอะไร ผมหยุดแล้ว แต่ยังมีกำลังวังชาอยู่จึงช่วยแนะนำเขา ในการทำพรรค

 

  • ทำไมต้องเป็นพรรคพลังประชารัฐ แล้วท่านมีเป้าหมายที่วางกันไว้ไหมคะ ในการเล่นการเมือง

พลเอกธรรมรักษ์ : ผมไม่ได้มีเป้าหมาย คือเขารับราชการรุ่นน้องผม มีความใกล้ชิดกัน ตอนหลังพรรคเขาแตกไปเยอะ อะไร ๆ ก็ตกต่ำ เขาเลยมาเชิญผม “พี่มาช่วยแนะนำหน่อย มาดูให้ผมหน่อย ผมก็มาดู ผมไม่ได้หวนกลับมาเล่นการเมือง ผมจะเอาประสบการณ์ไปแนะนำเขา

 

  • ท่านกับทางพรรคฯ ได้มีการวางเป้าหมายไว้ไหมคะ

พลเอกธรรมรักษ์ : เขาเพิ่งเริ่ม คือว่า นโยบายต้องร่างใหม่เขียนใหม่ให้มันดี วิธีเลือกคน การดูคน การสมัคร ต้องให้มีคุณภาพ อาจจะเอาคนเก่า หรือ เด็กรุ่นใหม่อะไรอย่างเนี้ย มันจะมีวิธีเลือก เพราะว่าตอนผมอยู่ไทยรักไทย ภาคอีสานผมเลือกเองหมด

 

 

  • เดี๋ยวจะมีการเลือกตั้งครั้งหน้าค่ะท่าน อันนี้คือทิศทางของพรรคพลังประชารัฐในการเลือกตั้งครั้งหน้า มีการวางกันไว้ยังไงบ้างไหมคะ

พลเอกธรรมรักษ์ : ทิศทางเราคือ จะส่งสมัครทั้งหมดนั้นแหละ แต่เรากำลังหารือ ปรับปรุงนโยบาย เรื่องใหญ่ๆ คือ หนึ่งเรื่องความมั่นคง และสองก็เรื่องประชาชนในทางเศรษฐกิจ เพราะว่า ประเทศไทยเวลานี้เศรษฐกิจ มันรวยกระจุก และข้างล่างมันจนมาก เพราะฉะนั้นการวางนโยบายเศรษฐกิจของพรรคเนี่ย ทำยังไงให้มันกระจาย ซึ่งมันเป็นเรื่องยาก กำลังคิดกันอยู่

 

  • ท่านคะ ในพรรคพลังประชารัฐจะมี ไฮไลท์ผู้สมัครคนเด็ด ๆ เอามาเปิดตัวไหมคะ หรือว่าตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนคัดเลือกอยู่ มีตัวเด็ด ๆ ที่พอเปิดเผยได้ไหม

พลเอกธรรมรักษ์ : ยังคัดเลือกไม่เสร็จ เพราะว่าพลังประชารัฐเหลือผู้แทนอยู่ 4 คน เขาย้ายหนีกันไปหมดแล้ว เพราะฉะนั้นตัวเด็ดยังพูดไม่ได้ แต่ถ้าเกิดเราเลือกก็ถือว่าเด็ด  คือมันจะมีทั้งคนใหม่คนเก่า ปนกัน เด็กใหม่ ๆ ความคิดใหม่ ๆ เราก็เอาแต่ว่ามันก็ต้องมีพื้นฐานของมวลชน เพราะว่าถ้าไม่มีพื้นฐานมวลชน มันชนะไม่ได้เดี๋ยวนี้มันสู้กันลูกเดียว

 

  • แล้วจะมีคนเก่า ๆ ที่เคยออกไปแล้วกลับมาไหมคะท่าน

พลเอกธรรมรักษ์ : มี กำลังคัดเลือกอยู่  ยังไม่จบ กำลังรับสมัครกันอยู่

 

  • ท่านคะ ตอนนี้อย่างที่ท่านบอก พรรคเราก็ต้อนรับคนรุ่นใหม่ด้วย ก็เลยอยากให้ท่านแสดงมุมมองต่อเยาวชนรุ่นใหม่ตอนนี้ที่เขา มีมุมมองทางการเมืองแตกต่างกันไป ท่านมองยังไงคะ

พลเอกธรรมรักษ์ : คืออย่างนี้นะ เดี๋ยวนี้ เราเปิดโอกาสให้ เด็กรุ่นใหม่ๆ มา สู่การเมือง เช่น การเลือกตั้งครั้งที่แล้วเนี่ย เขาแก้กฎหมาย เด็กอายุ 18 เลือกตั้งได้ สมัยก่อนต้อง 20  เพราะฉะนั้นเด็กอายุ 18 เนี่ย เราต้องปลูกฝังให้เข้าใจการเมืองระบอบการเมือง ทำความเข้าใจว่าบ้านเรามันปกครองระบอบอะไร ต้องทำตัวยังไง เพราะฉะนั้นมันจะโดนขุด เรามีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ถ้าเกิดไปเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น เดี๋ยวมันก็จะเละเหมือนประเทศอื่น แต่พระมหากษัตริย์เราเสียสละต่อประเทศชาติ ทำให้ประเทศชาติอยู่ได้ก็เป็นองค์ประมุข เป็นหลักของประเทศ เวลามันขัดแย้งกันเรียกไปให้ประณีประนอมก็จบ แต่ถ้าหากเปลี่ยนการปกครองไปเป็นแบบอื่นมันก็เละเทะ เพราะฉะนั้นเราจะทำให้เด็ก ๆ มีความรู้สึกแบบนี้ เดี๋ยวนี้เด็ก ๆ เริ่มตาสว่างขึ้น แล้วที่เขาไปด้อยค่าสถาบัน ไปด้อยค่าทหารอะไรเด็กๆ เขาเข้าใจขึ้นเยอะ เราต้องเผยแพร่ประเด็นนี้ สอนให้เข้าใจในเรื่องนี้

 

 

  • ตอนนี้โซเชียลมีเดีย กระแสค่อนข้างรุนแรง คนอยู่ในแพลตฟอร์มต่างๆ เยอะมาก ท่านมีมุมมองการเล่นโซเชียลมีเดียกับพื้นฐานความเป็นจริงอย่างไร

พลเอกธรรมรักษ์ : คือตอนนี้ผมกำลังแนะนำพรรคเขาก็เล่น บางพรรคเขาก็ใช้โซเชียลมีเดียอย่างเดียวก็ทำให้ชนะ เพราะฉะนั้นโซเชียลเป็นเรื่องสำคัญมันเริ่มเผยแพร่ ว่าเราควรจะทำอะไรนโยบายควรมีอะไร

 

  • อยากให้ท่านแชร์บทเรียนในอดีตนิดหนึ่งค่ะ ที่เคยเล่นการเมืองครั้งก่อน จะนำมาปรับในการเมืองยุคใหม่ในปัจจุบันนี้ได้อย่างไรบ้าง

พลเอกธรรมรักษ์ : คือการเมืองที่ผมได้เยอะเนี่ยครับ  ผมสร้างสมาชิก คือเวลาสมัครไปแล้วไม่ใช่ไปเฉยๆ ผมจะมีสมาชิกพรรค เขตนี้ มี 2-3 รุ่น เขตนี้มี ทั่วภาค มันจะมีสมาชิกทั่วภาคเป็นแสน ทีนี้เวลาเขาซื้อเสียง ผมก็แนะนำให้รับเงินให้หมด ใครซื้อ รับให้หมด แต่เราต้องเลือกพรรคเรา หลวงพ่อคูณท่านบอกไม่บาป ผมอ้างหลวงพ่อคูณท่านบอกไม่บาปให้ รับให้หมด เพราะฉะนั้น ทุกทีมกลัวบาปไง ไปรับเงินเขา เขาหลงให้อะไรต่ออะไรมันบาป ผมก็ไปเผยแพร่สมาชิกพรรค พรรคไหน ๆ ให้เงินก็รับให้หมดแต่เวลาเลือกให้เลือกพรรคเรา เพราะฉะนั้นที่ถามก็คือว่า การเมืองจะต้องมีมวลชวนสนับสนุนพรรค สมาชิกพรรค ไม่ใช่จะไปรอซื้อเสียงลูกเดียว  ซื้อกันแทบทุกพรรค

 

  • การเมืองในอนาคต ท่านมีวิสัยทัศน์ยังไงที่ทำให้การเมืองเข้มแข็ง ประเทศชาติเข้มแข็งขึ้นค่ะ

พลเอกธรรมรักษ์ : การเมืองเข้มแข็ง พรรคต้องเข็มแข็ง คือสมัยก่อนนี้สู้กันด้วยพรรค นโยบายพรรคอะไรเป็นหลัก เดี๋ยวนี้เขาซื้อกันแบบนักฟุตบอล ประมูลตัวกันอะไรกัน ซื้ออย่างเดียว เอ้าไอ้นี่ไม่พอใจพรรคนี้ กูแยกพรรค มันเละเทะ คือว่าการเมืองนี้ ถ้าจะเข้มแข็งต้องทำให้พรรคเข้มแข็ง ถ้าพรรคเข้มแข็งระบอบมันจะไปได้ เดี๋ยวนี้เขาย้ายพรรคกันเป็นว่าเล่น เดิมอยู่พรรคนี้ด่าพรรคนู้นอีกสองวันเลิกด่าแล้ว ไปอยู่แล้วอะไรอย่างเนี้ย มันเละเทะปัจจุบันมันเละไง เพราะงั้นเราต้องสร้างให้พรรคเข้มแข็ง

 

  • แล้วประเทศเข้มแข็งล่ะคะท่าน

พลเอกธรรมรักษ์ : ถ้าเกิดพรรคเข้มแข็ง มันทำอะไรก็ได้ เช่น เรื่องความมั่นคง ความมั่นคงนี่จะสร้างให้ประเทศเจริญ คือถ้าเรามีกองทัพที่เข้มแข้ง มีพลังอำนาจ เราจะไม่ต้องรบ เพราะศัตรูมันจะกลัว เพราะฉะนั้นกองทัพจะซื้อเครื่องบินทำไม ซื้อรถถังทำไม ต้องเข้าใจนะว่ายิ่งเราเข้มแข็งเท่าไหร่เราจะไม่รบเท่านั้น เพราะศัตรูมิตรมันไม่กล้า มันสร้างความเข้มแข็ง ให้กับประเทศเหมือนเราสร้างถนน หนทางให้ดี ความมั่นคงจะคู่กับ เศรษฐกิจ  เพราะฉะนั้นสิ่งแรกที่ทำคือความมั่นคง สองคือเศรษฐกิจ ที่ผมพูดรวยกระจุกจนกระจายเราจะทำยังไงจะให้มันกระจาย ความสุขให้อยู่ด้วยกันได้ ประชาชนไม่ต้องไปรวยเป็นพันล้านร้อยล้านหรอก แต่มันให้อยู่ได้ นี่คือปัญหา

 

 

  • ในฐานะที่ ท่านอยู่ในวงการการเมืองมานานมากอยากทราบว่ารัฐบาลที่เป็นรัฐบาลผสมการทำงานยากกว่ารัฐบาลจัดตั้งมากน้อยแค่ไหน ถ้าสมมติว่าเขาใช้เหตุผลว่าทำงานได้ไม่เต็มที่ ก็เพราะเป็นรัฐบาลผสมไง อยากจะรู้ตรงนี้ด้วย

พลเอกธรรมรักษ์ : คืออย่างนี้พอ พรรคการเมืองไม่เข็มแข็งมันก็เป็นรัฐบาลผสม เพราะรัฐบาลผสมน่ะพรรคนี้ก็จะเอาประโยชน์แต่เรื่องที่ตัวเองดูแล พรรคนั้นอาจจะไม่เห็นด้วย ต้องทำส่วนรวม แต่พรรคนี้มันต้องอย่างงี้ สรุปแล้ว พรรคใครพรรคมันทำ ไม่ได้เป็นนโยบายรัฐบาลอันเดียว เป็นนโยบายพรรคเป็นหลัก เพราะฉะนั้นประเทศก็เลยสะดุด แทนที่จะเห็นพ้องต้องกันเป็นรัฐบาลเดียวทำอันนี้นะมันไม่ใช่  พรรคนี้แสวงหาประโยชน์ตรงนี้ เราจะไปไล่เขาก็ไม่ได้ รัฐบาลมันไม่เข้มแข็ง มันก็ทางใครทางมันสิ เวลานี้เป็นอย่างนี้อยู่

 

  • แล้วระยะเวลาของการทำงานประมาณ 4 เดือนของรัฐบาลนี้ ท่านมองว่าจริง ๆ สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้ หรือรัฐบาลชุดนี้ทำโอเคแล้ว

พลเอกธรรมรักษ์ : มันสร้างภาพ มันไม่โอเคหรอก มันโอเคไม่ได้หรอก 4 เดือน

 

  • กับกรณีที่เกิดเรื่องล่าสุด ที่มีการลงนาม MOU กับกัมพูชา ท่านมองการทำงานของนายกฯ ดีหรือยังคะ

พลเอกธรรมรักษ์ : คือ ความขัดแย้งนี้เรามี MOU ต่อกัน MOU มีประโยชน์คือ เวลาเราปะทะกัน พอเราปะทะกัน ประเทศต่าง ๆ เนี่ยเขาก็จะบอก เฮ้ย youไปพูดกัน เพราะ you มีสนธิสัญญากันใช่ไหม you ก็ไปพูดกัน แต่ถ้าเราไปยกเลิก พอเราปะทะกันปุ๊บเนี่ย มันจะเกิดการที่ชาตินี้หนุนไทย ชาตินี้หนุนเขมร แต่ทุกวันนี้พอมีอะไรไปพูดชาตินั้น you เจรจากันสิ you มี MOU กัน ใช่มั้ย เพราะฉะนั้นที่แม้แต่นายกฯ คนปัจจุบัน ให้เขาเซ็นเพื่อไม่ให้ปะทะกัน แต่ว่า MOU นี้เป็นข้อตกลงกัน อย่างเดียว แต่ไม่ได้ต้องทำทุกอย่าง หรือเสนอเรื่องนี้มา กูไม่เห็นด้วยกูไม่ทำ ประโยชน์มันอยู่ตรงนี้ ถ้าเราเลิก มันจะมีเท็คไซ ไอ้ชาตินั้นสนับสนุนกัมพูชา ไอ้ชาตินี้สนับสนุนไทย มันก็มีสองฝ่าย แต่ถ้ายังมี MOU อยู่ เขาจะโยนไป เฮ้ย you คุยข้อตกลง you ไปเจรจากัน ใช่ไหม สหรัฐบอก you ไปเจรจา จีนบอกไปเจรจา แต่ถ้าไม่มีมันจะมีเท็คไซ ฉะนั้นประโยชน์ MOU มันมี ทีนี้ MOU เนี่ยมันไม่ใช่ว่าจะต้องปฏิบัติตาม มันถือ 1 ต่อ 200,000 เนี่ย มันบอกกูไม่ยอมรับ เขมรเกิดเรื่อง  เราถือ 1 ต่อ 50,000 มันบอกมันไม่ยอมรับ ก็ไม่ยอมก็อย่ายอม ขัดแย้งกันไปอย่างนี้ ทีนี้ที่เขาเซ็นหยุดยิงเนี่ย เพราะว่าต่างชาติ ทุกคนมันอยากให้หยุดยิง เราก็หยุดยิงก่อน เพราะว่าจริง ๆ แล้วเนี่ย ฮุนเซนเวลาเลือกตั้งนี้แล้วเขาจะสร้างกระแสรักชาติ แล้วมันไม่คิดว่าจะใหญ่โตแบบนี้ ทีนี้มันเสือกมาใหญ่โตเพราะมันยิงชาวบ้านเรา มันถึงใหญ่โต ถ้าอย่างงั้นปะทะกันเจาะแจะ ๆ ไปเดี๋ยวก็เลิก แล้วมันก็ไปสร้างความรักชาติให้เกิดขึ้น ทีนี้มันผิดแผน มันเกิดรุนแรง

 

  • เพราะอย่างนี้ค่ะท่าน ท่านมองยังไงที่เขาว่าทหารมาเล่นการเมืองไม่เหมาะสม

พลเอกธรรมรักษ์ : คืออย่างนี้ ทหารก็คือประชาชน เราไม่เหมือนประเทศใหญ่ ๆ ที่ประชาธิปไตยเขาเบ่งบานแล้ว ประชาธิปไตยเรากระง่อนกระแง่น ทหารจึงเข้ามาเกี่ยว อย่างการยึดอำนาจเนี่ย ถ้าบ้านเมืองวุ่นวาย ยึดอำนาจ เพื่อแยกเพื่อควบคลุมสถานการณ์แล้วก็จัดมาให้สู่ปกติ ถ้าอย่างนี้ ผมเห็นด้วย แต่ถ้ายึดอำนาจตัวเองอยู่ต่ออย่างนี้ผมก็ไม่เห็นด้วย เพราะฉะนั้นการยึดอำนาจมันไม่ใช่เรื่องดี แต่บางครั้งมันจำเป็น สถานการณ์มันรุนแรงมันต้องทำ

 

 

  • รัฐมนตรีกลาโหมควรเป็นทหารไหมคะ

พลเอกธรรมรักษ์ : ไม่จำเป็น แต่ว่ามันก็มีปัญหา ถ้ารัฐมนตรีมีความคิดเป็นของตัวเองมองภาพให้ถูกต้อง อย่างผมเป็นไม่เห็นมีปัญหา ผมเป็น 2 สมัยไม่เห็นมีปัญหา อันนี้พอเป็นแล้ว ไปฟังข้างนี้ที ฟังข้างนั้นทีมันก็เละ อย่างการแต่งตรงแต่งตั้งเละเทะ แต่ส่วนใหญ่มันจะเรียบร้อย โดยมากเราจะแต่งตั้งตามราย รายที่เดินผ่าน เราจะไม่ค่อยข้ามราย มันไม่เหมือนตำรวจ เพราะฉะนั้นประชาชนก็เป็นได้ แต่ต้องเป็นตัวของตัวเองมีเหตุผล ไม่ใช่ไปฟังคนนั้นที คนนี้ที มันก็จะเพี้ยน แต่ถ้าทหารมันได้เปรียบ อย่างผมเป็นผมไม่เห็นมีเรื่องอะไรเลย กระทรวงกลาโหม ผมเป็น 2 หน ก็เรียบร้อยดี ไม่มีใครมาด่าอะไรผม เพราะเวลาตั้งเราก็ดูตามตารางหมากรุก คนนี้ได้ขึ้น คนนี้เป็นรอง นอกจากมันมีปัญหาถึงจะเปลี่ยนถ้าอย่างงั้นมันก็ไปตามรายมันก็แฮปปี้

 

  • ท่านคะแล้วตอนนี้ปัญหาสแกมเมอร์ หลังๆ  มีนักการเมืองมาเกี่ยวข้อง ท่านมองเรื่องนี้อย่างไรคะ

พลเอกธรรมรักษ์ : ก็ต้องปราบลูกเดียว ทีนี้มันอยู่ที่รัฐบาลว่าเอาจริงแค่ไหน ถ้ารัฐบาลเอาจริงก็ปราบ ปราบลูกเดียว อย่างปราบยาเสพติด สมัยผมอยู่ไทยรักไทย ผมเป็นคนปราบยาเสพติดสงบไปพักนึงที่นี้มันอยู่ที่ เอาจริง หรือไม่เอาจริง

 

  • แต่ว่าสแกมเมอร์ทางพรรคประชารัฐก็มีแนวนโยบายควบคุมดูแลตรงนี้ด้วยใช่ไหมคะ

พลเอกธรรมรักษ์ : ใช่ๆ พรรคไหนมันก็ต้องปราบ ทีนี้บางพรรคมันบอกปราบมันไม่ปราบไง จริงๆ ร่วมมือกันปราบ เพื่อให้บ้านเมืองเราใสสะอาด แต่สองข้างมันเกิดเรื่อง เราก็อย่าให้เป็นประเทศตัวกลางมาฟอกเงินในเรา มาพักพิงในเราอะไรอย่างนี้ ประเทศอื่นมันก็ไม่เชื่อถือ อึมครึมๆ มันก็ไม่ดี

 

  • พูดถึงเรื่องฟอกเงินนิดนึงค่ะท่าน ท่านคิดว่าในประเทศเราถ้าธุรกิจ สมมติมีการทำบ่อนพนันผิดกฎหมาย ตรงนี้มันเป็นธุรกิจฟอกเงินได้เหมือนกันใช่ไหมคะ หรือว่าท่านคิดว่ามีก็โอเคจะได้กระตุ้นเศรษฐกิจ

พลเอกธรรมรักษ์ : คือมันก็มีส่วนดี อย่างมาเลเซียเขาก็มี สิงคโปร์เขาก็มี มีแต่มันอยู่ในกฎเกณฑ์ใครเล่นได้ เล่นไม่ได้ เพราะนักท่องเที่ยวนิยมมาเล่น มากิน มาเที่ยว ข้อดีมันก็ดี แต่เราก็กลัวว่าคนยากคนจนไปเล่น เด็กไปเล่น ฟอกเงินมันก็ฟอกไม่ได้เท่าไหร่หรอก มีธุรกิจอื่นที่ฟอก

 

ข่าวในหมวดเดียวกัน

เพิ่มเติม...

การเมือง

คอลัมนิสต์

คมในความ

มหาราษฎร์ Shorts

ภาพเก่าเล่าอดีต

ไฮไลท์

ข่าวประชาสัมพันธ์

ตำรวจ ทหาร อัยการ ศาล คุก

ท่องเที่ยว

ศาสนา

สุขภาพ

แวดวงนักรบ

สังคม

บทบาทบุคคล

< กลับหมวดการเมือง

เรื่องล่าสุด