สังคม “ลมใต้ปีก” ประจำวันพุธที่ 12 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2568

สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา…กระแส “ทหารไทยขาขาด” รายที่ 7 จากทุ่นระเบิด ทำให้ “กลบข่าว” ทุนสีเทา การเมืองไทย ไปชั่วคราว.. ปฏิบัติการ “ยุติทุกข้อตกลง” ที่มีต่อ “กัมพูชา” หลังจากเหยียบกับระเบิด พื้นที่ ตามาเรีย จ.ศรีสะเกษ “รัฐบาล -สมช.-กระทรวงกลาโหม”… แสดงจุดยืน ไม่ฝืนทนอีกแล้ว ! ดูท่า “พระยาละแวก แตกหัก!”… ถึงเวลา “เล่นบทหนัก !” เป็นแน่แท้….000
ประกาศยุติ “ปฏิญา สันติภาพ” งดส่งเชลยศึก เพื่อต้องการ เปิดทางให้ “ฝ่ายกองทัพ” ปฏิบัติการตอบโต้ ปกป้องอธิบไตย ด้วยการทำงาน คล่องตัวยิ่งขึ้น…หากยังใช้ “ปฏิญญา สันติภาพไทย-กัมพูชา” ฉบับนี้อยู่อีก..จะเป็นฝ่ายตั้งรับอยู่ตลอด….000 จากนี้ไป ประชาชนคนไทย ที่อาศัยอยู่บริเวณ รอยตะเข็บ ชายแดน จะระอุด้วย “ภัยสงคราม” มีความเสี่ยง ทั้งสองประเทศ อย่างเลี่ยงไม่พ้น…000

“แม้สงครามตามแบบ” ไทยได้เปรียบ ไม่หวั่นเกรงทุกประตู แต่ “สงครามกองโจร” นอกแบบของเขมร.. “ระบอบฮุนเซน” ฝังรากลึกยาวนาน นิยมใช้ “วิธีลอบกัด” ทุกเมื่อเชื่อวัน ทำให้เกิด “ยืดเยื้อ”.. เสียงส่วนใหญ่ จึงอยากให้จบสิ้น เอาปราสาท ตาควายกลับคืน ! “ตัดสัญญาณ” ส่งคลื่นรบกวน ทุกรูปแบบ “เด็ดขาด !”…..000 อย่างไรก็ตาม ตำราพิชัยสงคราม “ซุนวู” ว่าไว้… สงครามที่ดี คือ “การไม่ต้องทำสงคราม” .. ความนี้ เป็นยุทธศาสตร์ถอย เชิงรุก ในตำราอันมีมายาวนาน ว่า “การรบ เป็นเครื่องมือตัดสิน ขั้นสุดท้าย เท่านั้น”… หรือวันนี้…เรามาถึงเวลานั้น เสียแล้ว !!…000

หลังจากนานาชาติ กดดัน อย่างหนักหน่วง “รัฐบาลทหารพม่า” เร่งกวาดล้าง ศูนย์กลางเครือข่าย “สแกมเมอร์” มิจฉาชีพออนไลน์ ออกสื่อฯ กระจายทั่ว… สำนักข่าว “นิว ไลท์ ออฟ เมียนมา” รายงาน “ทหารเมียนมา” ถล่มบอมบ์ รื้อทำลาย อาคาร 148 แห่ง พบคนทำงาน “2,000 คน” นักวิเคราะห์ระบุ แม้การทำลายล้าง ตึก อาคาร เป็นการ “สร้างภาพ” จัดฉาก แต่ก็มีผล ให้เครือข่าย สแกมเมอร์ “หนีตาย” อพยพ ออกนอกพื้นที่ ไปมากราย….000 การถล่มตึก อาคาร “เค เค ปาร์ค” ศูนย์อาชญากรรม ออนไลน์ขนาดใหญ่ ที่ จ.เมียวดี ตรงข้าม แม่สอด จ.ตาก ของไทย…เป็นแค่ “นํ้าจิ้ม !” แสดงให้เห็น “ภาพข่าวโลกโซเชียล” ถึงการ ตอบสนอง “แซงซั่น” จากบรรดา นานาชาติ ชั่วคราว เท่านั้น… 000 เพราะ ตัวใหญ่ ระดับ “บิ๊ก” ยังเดินเพ่นพ่าน เข้าออก พื้นที่ เป็นว่าเล่น… ไม่ว่าเป็น มาเฟีย “มังกรใหญ่ คิงส์โรมัน” ผู้สร้าง มาเก๊า ลุ่มนํ้าโขง “จ้าวเหว่ย” แผ่ขยายกิ่งก้านสาขา สร้างอิทธิพล ไปทั่ว… “อาเฟย” ผู้คุม “กงสีใหญ่” และกลุ่มอาชญากร ที่มีโครงสร้างซับซ้อน.. พื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ “แหล่งรวมธุรกิจมืด” สิ่งผิดกฏหมาย ถูกรัฐบาล ทั่วโลกจับตามอง มากที่สุด ในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้… แม้กระทั่ง “ยิมเลียก” ตัวละครอีกหลายราย “ยังกินอยู่สบาย” ลอยนวล…แต่ที่ “จบเกม” แล้วคือ “เฉอ จิ้น เฉียง” เจ้าพ่อสแกมเมอร์ แห่ง “ชเวโก๊กโก” ที่ถูกทางการไทยจับได้ เพิ่งส่งตัวให้จีน ( 12 พ.ย. 68 )

“พรรคเพื่อไทย” ตั้งแต่สลับขั้ว เป็นฝ่ายค้าน ส่งผลให้เกิด “นํ้าแยกสาย ไผ่แยกกอ” มาตลอด…เลือกตั้งซ่อม สองครั้ง ประสบความพ่ายแพ้ ราบคาบ ถึงต้อง ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ “ยกเครื่องใหม่” ทั้งระบบ !! ภายใต้ แคมเปญ “สร้างโอกาส ล้างหนี้ มีกิน” พร้อมเปิดตัว ว่าที่ผู้สมัคร คึกคัก ถึง 3 รอบ เดินหน้า พร้อมเลือกตั้ง ก่อนใคร ?
…000 ที่ผ่านมา เปลี่ยนกลยุทธ์ เป็นระยะ ทั้งบทบาทบุคคล..วิธีการ “หัวหน้าพรรค” ตัวแคนดิเดตนายกฯ ซึ่ง “ลับ ลวง พราง” เป็นที่ฮือฮา มาหลายครั้ง…000
ครั้งที่แล้ว…“ตู่ จตุพร พรหมพันธ์” นักเคลื่อนไหว ออกมาแสดงความเห็นใจ “หมอชลน่าน ศรีแก้ว” ซึ่งถูกวางตัวเป็น “หัวหน้าพรรค” ทำงานทุ่มเท สุดลิ่มทิ่มประตู… แต่แคนดิเดต นายกฯ 3 คนคือ “เศรษฐา ทวีสิน, ชัยเกษม นิติสิริ และ แพทองธาร ชินวัตร”…พุ่งตัดเหลี่ยม คว้าพุงเพรียว นั่งเก้าอี้ “นายกรัฐมนตรี”….000 ว่ากันว่า มาครั้งนี้ “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” หัวหน้าพรรค .. รู้ตัวล่วงหน้าว่า “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ, ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ และ ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์” จะได้รับการวางตัว “เสนอชื่อ” เป็น “แคนดิเดต นายกรัฐมนตรี” ตามตำรา “เลือด เข้มกว่านํ้า !”…. แน่นอน …000


















