<ยักษ์ได้อะไร ?>
ประมาณ พ.ศ. 2550 ต้น ๆ ผมกับคณะกรรมาธิการฯ รัฐสภา คณะหนึ่ง ได้ไปทัศนศึกษาชมปราสาทหิน นครวัด นครธม และปราสาทหินต่าง ๆ ที่ประเทศกัมพูชา
มีภาพหินแกะสลัก ภาพจำหลัก ภาพนูนต่ำ ลวดลายสวยงาม มีขนาดใหญ่โตมโหฬารอย่างไม่น่าเชื่อว่าคนในยุคโบร่ำโบราณจะมีความสามารถทำได้
ยอมรับนับถือ หมดหัวใจ
เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ ทวยเทพระดับสูง เทวดา ยักษ์ นาค ลิง และสิ่งต่าง ๆ
จากวรรณกรรมยิ่งใหญ่<รามเกียรติ์>
<ฤาษีวาลมิกิ> ได้รจนาไว้ เมื่อประมาณ 3,000 กว่าปีมาแล้วก่อนพุทธกาล
<นายเหลือง> ไกด์เขมร ได้พูดบรรยายเป็นภาษาไทยเกี่ยวกับเรื่อง<การกวนเกษียรสมุทร>แบบฉบับย่อซึ่งผมก็ยังจดจำได้ถึงวันนี้
มีนาคตนหนึ่ง ชื่อ<เสสะ>มีฤทธิ์มาก อาละวาดไปทั่วแคว้นแดนสวรรค์
<พระนารายณ์>ปราบนาคเสสะได้ นาคเสสะจึงใช้ลำตัวยินยอมให้เป็นที่ประทับของพระนารายณ์ อยู่ในกลางมหาสมุทรอันเป็นที่มาของ<นารายณ์บรรทมสินธุ์>
พระนารายณ์เห็นว่านาคเสสะมีเกล็ดมากจึงตั้งชื่อให้ใหม่ว่า<อนันตนาคราช>แปลว่าราชาแห่งนาคผู้มีเกล็ดมาก
กาลต่อมา พระนารายณ์จะทำพิธี<กวนเกษียรสมุทร>จึงให้เหล่า<เทวดา>ไปเอาเขาลูกใหญ่มาเป็นเสาเพื่อปักลงไปในสะดือทะเลแต่เหล่าเทวดา
ล้วนเอวบางร่างน้อยไม่สามารถถอนเขามาได้พระนารายณ์จึงให้ไปบอกพวก<ยักษ์>ให้มาช่วย
ยักษ์ตัวใหญ่ แข็งแรงจึงทำให้สามารถถอนเขาออกมาได้และนำไปปักที่สะดือทะเล
พระนารายณ์บอกว่าต้องหาเชือกขนาดใหญ่มาพันเสา
อนันตนาคราช ได้อาสาพันเสาให้พระนารายณ์ ชื่นชมในความเสียสละจึงตั้งชื่อให้ใหม่อีกว่า<วาสุกรี>
ในการดึงนาคนั้นเหล่าเทวดาขอไปดึงส่วนหางของนาคเพราะหางนาคเรียวเล็กและเกล็ดรูดไปตามมือบรรดายักษ์ แขกรับเชิญให้ไปดึงส่วนลำคอนาคซึ่งมีขนาดใหญ่ อวบอ้วนเกล็ดนาคย้อนบาดมือยักษ์ตอนนาคปวดเมื่อยลำคอก็จะพ่นพิษออกมาพวกยักษ์จึงสะบักสะบอมไปตาม ๆ กัน
ของขวัญสุดวิเศษจากการกวนเกษียรสมุทรครั้งนี้คือ<หม้อน้ำอมฤต>ซึ่งมีกฎเกณฑ์ว่าถ้าหม้อน้ำอมฤตปรากฏขึ้นฝั่งใดฝั่งนั้น จะได้สิทธิ์ครอบครอง
ขอย่อความของวิเศษที่ผุดขึ้นมาดังนี้
<<ดอกมณฑารพ>>
เป็นดอกไม้สวรรค์
พระนารายณ์ มอบให้<พระพรหม>
<<ช้างเอราวัณ>>
เป็นช้างวิเศษ มี 33 เศียร
แต่ละเศียร มี 7 งา
แต่ละงา มี 7 สระโบกขรณี
แต่ละสระโบกขรณี มีดอกบัว 7 ดอก
แต่ละดอก มี 7 กลีบ
แต่ละกลีบ มีนางฟ้า 7 องค์
นางฟ้าแต่ละองค์ มีสาวสวยเป็นบริวาร 7 คน
พระนารายณ์ยกทั้งหมดให้ <พระอินทร์>
<<ม้าสีขาว>>
พระนารายณ์เอาไว้เป็นม้าทรง
อยู่ในเรื่องนารายณ์อวตาร
ขี่ม้าขาวออกมาปราบทุกข์เข็ญ
น่าจะเป็นที่มาของคำว่า <อัศวินม้าขาว>
<<นางอัปสรา>>
เป็นนางฟ้าจำพวกหนึ่ง
ลอยขึ้นมาจากการกวนเกษียรสมุทร
ยักษ์ทั้งหลาย ล้วนตกตะลึงในความงาม
จ้องมองดูนางอัปสราบนท้องฟ้า
จนลืมมองไปที่บนพื้นผิวมหาสมุทรฝั่งตน
เพราะมี
<<หม้อน้ำอมฤต>>
ลอยขึ้นมา
พระนารายณ์ได้แปลงกายเป็นนางอัปสรา
แอบไปเอาหม้อน้ำอมฤต
ไปวางที่พื้นผิวมหาสมุทรฝั่งเทวดา
แล้วกลับกลายร่างเป็นพระนารายณ์ เหมือนเดิม
พระนารายณ์ได้ยกหม้อน้ำอมฤต ให้กับเหล่าเทวดา
เป็นอันเสร็จสิ้นพิธีการกวนเกษียรสมุทร
นายเหลืองเล่าเรื่องจบแค่ตรงนี้
ผิดถูกอย่างไร ?
ผมขออภัยครับ
แล้วผมก็อดคิดต่อไม่ได้ว่า ในสังคมนี้
จะเป็นองค์กรอะไรก็ช่าง ?
<มีเส้น><มีสาย><มีสี>
<มีทรัพย์>
ล้วนเป็น<พวกเทวดา>
เหมือน<เทวดา>ในเรื่องนี้
<สบายไป>
<ไร้เส้น><ไร้สาย><ไร้สี>
<ไร้ทรัพย์>
ล้วนเป็น<พวกยักษ์>
เหมือน<ยักษ์>ในเรื่องนี้
<ลำบากไป>
แม้<ยักษ์>จะทำงานเต็มที่
แม้<ยักษ์>จะเหนื่อย
แม้<ยักษ์>จะบาดเจ็บ
แม้<ยักษ์>จะโดนพิษ
<ยักษ์>ก็สู้อดทน
เพราะ
<ยักษ์>ก็อยากได้
แต่….
<ยักษ์> ได้อะไร ?
ตัวเราล่ะ !
เป็นยักษ์หรือเทวดา ?
พล.ต.ต.ไอยศูรย์ สิงหนาท

















