<นาย>
<ภาคสอง>
เรื่อง<นาย>ที่เขียนเผยแพร่ไป
ถ้าไม่ได้เขียนถึงอีกสามนาย
ใจผมคงระทมทุกข์แน่
<พล.ต.อ.บุญทิน วงศ์รักมิตร>
ท่านมีฉายานามว่า
<อินทรีอีสาน>
ตอนนั้นผมอยู่ บช.น. เป็น รอง สวส.สน.พญาไท อยู่ในทีมงานสอบสวนคดีกบถ คดีแชร์<การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน> คดีเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ฯ มีท่าน พล.ต.ท.ประยูร โกมารกุล ณ นคร ที่พวกเราเรียกท่านว่า<อาจารย์ยูร> เป็นหัวหน้าทีม
ผมพบกับท่าน พล.ต.อ.บุญทิน ตอนที่ท่านมียศเป็น พล.ต.ต. ตำแหน่ง รอง ผบช.ภ.2 หรือ ภ.3 ในปัจจุบัน ท่านให้ผมเรียกว่า<ป๋า>ท่านบอกผมว่า <เป็นคนโคราชไม่ใช่หรือ ป๋าต้องการมือสอบสวนมาอยู่กับป๋ารับรองได้สองขั้นทุกปี>
ผมยกมือไหว้ขอบพระคุณท่าน และพูดว่า<ผมกำลังสอบคดีเครื่องราชฯ อยู่ครับ คดีเสร็จแล้วผมจะไปหาป๋าครับ>
ขั้นพิเศษจาก ตร. ให้สองขั้นทีมสอบสวนคดีเครื่องราชฯ ผมซึ่งเป็นหนึ่งในสี่นายของพนักงานสอบสวนที่ร่วมบุกเบิกขุดคุ้ยคดีนี้ ก่อนที่จะกลายเป็นคดีระดับชาติไม่ได้สองขั้น น้อยใจนิด ๆ แต่ไม่เคยคิดโกรธใคร ได้แต่โทษตัวเองว่า เป็นคนบุญวาสนาน้อย
ผมคิดถึงคำพูดป๋าบุญทิน<มาอยู่กับป๋ารับรองได้สองขั้นทุกปี>
ผมติดต่อป๋า สมัครใจไปอยู่ภูธรกับป๋า
ป๋ากับผมออกตระเวนตรวจสำนวนการสอบสวน ตามโรงพักต่าง ๆ ในภาคอีสานทั้ง 20 จังหวัด บางครั้งก็นั่งเฮลิคอปเตอร์ บางครั้งก็นั่งรถยนต์ส่วนตัวของป๋า
หน.สภ. บางคน ที่โดนป๋าตำหนิ กล่าวคำอาฆาตผม
ผมได้สองขั้นและได้ขึ้นตำแหน่งสารวัตรสอบสวนเพราะแรงผลักดันของป๋า
ต่อมา เทพีแห่งโชคชะตา
ได้พัดพาให้ผมได้ไปเป็นนายเวรท่าน พล.ต.ท.สล้าง บุนนาค
<พล.ต.ต.เติมศักดิ์ จามรกุล>
ผมย้ายจาก สน. ยานนาวา ไป สน. บางนา กก.น.12 บก.น.ใต้ บช.น. มีเพื่อนอีกสามน้องอีกหนึ่ง ย้ายมาอยู่ สน. บางนา ในคำสั่งเดียวกัน
วันไปรายงานตัวต่อผู้บังคับบัญชา ที่ กก.น.12 ผมกับพวกทั้งห้าคน ถูก สบประมาท จากผู้บังคับบัญชาบางท่านว่า<เป็นพวกมีปัญหา>
สน.บางนา ในยุคนั้น โรงพักตั้งอยู่บนทางเท้าหรือฟุตบาท ใกล้ ๆ แยกบางนา ตัวโรงพักก่อด้วยอิฐบล็อค กั้นเป็นห้อง ๆ เช่น ห้องสอบสวน ห้องจราจร ห้องเสมียนคดี ห้องขังไม่มี ต้องใช้ท่อนเหล็กขนาดใหญ่ติดตรึงกับผนังห้องสอบสวน ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมตัวมา ก็ใส่กุญแจมือข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งคล้องท่อนเหล็กนั้น
สภาพภูมิประเทศของ สน. บางนา กึ่งเมืองหลวงกึ่งชนบท มีถนนบางนาตราด สำโรง สมุทรปราการ และสุขุมวิท ซอยที่มีชื่อเสียง คือ ซอยอุดมสุข ซอยลาซาล และ ซอยแบริ่ง คดีอาญามีทุกประเภท ครบเครื่อง
ผมเป็นรอง สวส.ฯ สำนวนไม่เคยค้าง เสนอตรวจ 48 ชั่วโมง ออกสำนวนได้ก่อนผัดฟ้องฝากขังจะครบ
คืนหนึ่ง ผู้บังคับบัญชาที่เคยสบประมาท ได้มาตรวจเยี่ยมที่โรงพัก มาเงียบ ๆ ยืนอยู่ที่กระจกใสหน้าห้องสอบสวน ขณะนั้นผมกำลังใช้พิมพ์ดีดรัวสำนวนอยู่ ท่านเปิดประตูเข้ามาผมเงยหน้าเห็นท่าน จึงรีบลุกขึ้นทำความเคารพและรายงานตัว ท่านพูดว่า<พิมพ์ได้เร็วดีนี่>
วันหนึ่งหลังจากออกเวรหกโมงเช้า ผมยังนั่งพิมพ์สำนวนการสอบสวนอยู่ตอนสายวันนั้นเองมีเหตุคนร้ายปล้นร้านทองในซอยอุดมสุขคนร้ายถูกยิงตายหนึ่งคนหลบหนีไปหนึ่งคนถูกจับได้สามคน
ร.ต.ต.เมธี เป็นร้อยเวรสอบสวนคดีอาญา แต่มีจิตวิญญาณนักสืบ ได้ไล่ล่าติดตามคนร้ายไปพร้อมกับชุดสืบสวน
ท่าน พล.ต.ต.แสวง ธีระสวัสดิ์ ผบก.น.ใต้ จะมาตรวจการสอบสวนเบื้องต้น
พ.ต.ท.เติมศักดิ์ สวญ.ฯ
พ.ต.ท.บุญส่ง สวส.ฯ
ขอให้ผม ตั้งรูปเรื่อง พิมพ์สำนวนการสอบสวนเบื้องต้น เพื่อรอรับการตรวจ
พล.ต.ต.แสวง ชมเชย และสั่งการให้ทำสำนวนให้แล้วเสร็จภายในสามวัน ไม่ผิดหรอกครับสามวัน
พ.ต.ท.เติมศักดิ์ กับ พ.ต.ท.บุญส่ง ให้ผมช่วยทำ สำนวนต่อ
ออกเวรเช้าแล้ว ยังต่ออีกสองคืนสามวัน ที่ไม่ได้หลับไม่ได้นอน สอบปากคำผู้กล่าวหา ผู้ต้องหา พยาน จัดทำบันทึกพนักงานสอบสวน บัญชีของ กลาง การนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบความรับสารภาพ ทำแผนประทุษกรรม ทำแผนที่ ฯ ครบถ้วนตามกระบวนการทำสำนวนสอบสวน
พล.ต.ต.แสวง ได้กรุณาเขียนชมเชยบนปกสำนวนการสอบสวนอีกครั้ง
ต่อมามีการประกวดการฝึก ที่ลานด้านหลัง กก.น.12 มี 4 สน. คือ ทองหล่อ คลองตัน พระโขนง และบางนา
วิญญาณนักเรียนปกครองเข้าสิง ผมสั่งแถวเสียงดังฟังชัด ซ้ายหัน ขวาหัน กลับหลังหัน หน้าเดิน เดินสวนสนาม วิ่งหน้าวิ่ง แถวหยุด เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายอำนวยการที่ทำงานอยู่บน กก.น.12 เปิดหน้าต่างออกมาดูกันเป็นแถวผมกลายเป็นคนโปรดคนหนึ่งของ รอง ผกก.ท่านนั้น
พ.ต.ท.เติมศักดิ์ สวญ.ฯ ได้พูดในที่ประชุมของ สน. ว่า<ตราบใดที่ผมยังเป็นสารวัตรใหญ่อยู่ที่นี่คุณไอยศูรย์ต้องได้สองขั้นตลอด>
ต่อมา พ.ต.ท.เติมศักดิ์ ย้ายไปเป็น สวญ.สน.ดุสิต มีคดีพิเศษ ในสถานที่พิเศษ เกิดขึ้น บช.น. มีคำสั่งด่วนย้ายผม คนเดียวโดด ๆ จากรอง สวส.สน.บางนา เป็น รอง สวส.สน.ดุสิต สองสามเดือนแรก แทบไม่ได้อยู่โรงพักเพราะต้องไปทำคดีพิเศษและทำเพียงคนเดียว
ป.ล.
เขียนเรื่อง พล.ต.ต.เติมศักดิ์ จบสักพักใหญ่ ๆ มีโทรศัพท์สายหนึ่งมาถึงผมเป็นเบอร์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนกดรับสายไปและพูดว่า<สวัสดีครับ>
เสียงตอบกลับมาว่า<คุณอาไอยศูรย์ใช่ไหมครับ ผมบอมครับ เป็นลูกคุณพ่อเติมศักดิ์ จามรกุล คุณพ่อผมถึงแก่กรรมแล้วครับ อยู่ที่วัดศรีเอี่ยม บางนา คุณพ่อสั่งไว้ให้บอกคุณอาครับ>
ยอมรับว่าผมตกใจจริง ๆ สอบถามรายละเอียดและบอกว่า จะไปร่วมส่งท่านไปสวรรค์ ด้วยครับ
<พล.ต.ต.อำนวย มหาผล>
เท่าที่ทราบ นายคนนี้ มีประวัติไม่ธรรมดา สอบได้ที่หนึ่งจากโรงเรียนเตรียมทหาร สอบได้ที่หนึ่งทุกปี จากโรงเรียนนายร้อยตำรวจยกเว้นปีสุดท้าย เป็นหัวหน้านักเรียนมาตลอด เป็นผู้บังคับหมวดของผม ตอนปี 1
ชีวิตรับราชการ ผมเคยทำงานกับท่าน
ตอนที่ท่านเป็น ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ ผมเป็น ผกก.สภ. ละหานทราย
ท่านเป็น ผบก.ภ.จว.อุบลราชธานี ผมเป็น ผกก.สภ.เดชอุดม
ท่านเป็น รอง ผบช.ภ.3 ผมเป็น รอง ผบก.ภ.จว. อุบลราชธานี
ท่านเป็นตำรวจสายบุญ พาตำรวจทอดกฐิน ทอดผ้าป่า บวชพระถวายเป็นพระราชกุศล เป็นประจำ
ท่านเป็นคนตรงไปตรงมา รอง ผบก.ท่านหนึ่ง เห็นว่าผมมีผลงานด้านปราบปรามยาเสพติด ในช่วงสงครามยาเสพติด แต่ฝ่ายปกครองซึ่งเป็นคนจัดสรรขั้น ไม่ให้ขั้นผม ด้วยเหตุผลว่า<ผู้กำกับทำงานเก่ง นายต้องให้ให้ขั้นอยู่แล้ว>
รอง ผบก.ฯ ขอให้ท่านให้ขั้นผม ท่านพูดว่า<ม้าวิ่งนอกสนาม ย่อมไม่ได้ถ้วย>
แต่สุดท้าย ท่านก็เมตตาให้ขั้นผม
ท่านจัดประชุม หน.สภ. เพื่อเร่งรัดติดตามผลการปฏิบัติงาน เป็นประจำทุกสัปดาห์ ทำดีชม ทำไม่ดี ให้แก้ตัวใหม่ ออกตระเวนตรวจเยี่ยมทุกโรงพัก เขียนสมุดตรวจเยี่ยมด้วยลายมือตัวเอง
โรงพักไหนโดนตำหนิรับรองนอนไม่หลับไปสาม วันสามคืน
โรงพักไหนได้รับคำชมก็นอนไม่หลับไปสามคืน สามวันเช่นกัน เพราะปลื้ม
ท่านครองคน ครองตน ครองงาน ครองเรือน ไม่แปดเปื้อนอบายมุข ประพฤติปฏิบัติตน เป็นแบบอย่างของคนดี ที่ดีทั้งนอกและดีทั้งใน ปัจจุบันท่านก็ยังไปวัดไปวา ทำบุญสุนทานตลอด สาธุครับ
ยังมีนายอีกหลาย ๆ ท่านที่ผมไม่ได้เขียนถึง ขอเก็บไว้ในใจนะครับ
พล.ต.ต.ไอยศูรย์ สิงหนาท