“ฉินฮุ่ย” ขุนนางขายชาติหมายเลข 1 ของแผ่นดินจีน
ในหน้าประวัติศาสตร์จีน ไม่มีชื่อใดถูกตราหน้าหนักหนาเท่า “ฉินฮุ่ย” (秦檜) (ฉินไคว่) อัครมหาเสนาบดีในยุคราชวงศ์ซ่งใต้ ผู้ถูกขนานนามว่าเป็น “ขุนนางขายชาติอันดับหนึ่ง” ของแผ่นดินจีน
ภายใต้ความอ่อนแอของราชสำนักและแรงกดดันจากศัตรูอย่าง ราชวงศ์จิน (Jin) ฉินฮุ่ยเลือกที่จะใช้วิธีการประนีประนอม ยอมเฉือนดินแดน ยอมจำนน ยุติศึก เพื่อรักษาอำนาจของตนเองเอาไว้ แม้ต้องแลกด้วยการทรยศต่อชาติ และ “หักหลังวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของแผ่นดิน”
วีรบุรุษผู้นั้น คือ แม่ทัพเยว่เฟย (岳飛) (งักฮุย) แม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่แห่งซ่งใต้ ผู้ซื่อสัตย์ กล้าหาญ และยืนหยัดต่อต้านการรุกรานของจินจนได้รับความเคารพศรัทธาจากประชาชนทั้งแผ่นดิน แม้กระทั่งกองทัพของจินเองยังมีคำกล่าวถึงกองทัพของเยว่เฟย (งักฮุย) ไว้ว่า “โยกภูเขายังง่าย กว่าสะเทือนทัพงักฮุย”

แม่ทัพเยว่เฟย
เรื่องราวสะเทือนใจเริ่มต้นเมื่อ ฉินฮุ่ย ร่วมกันวางแผนใส่ร้ายเยว่เฟย และใช้อำนาจราชสำนัก จับกุมแม่ทัพผู้ซื่อสัตย์ โดยขณะถูกคุมขังในคุก ฉินฮุ่ยถึงขั้นสั่งให้คนสนิทนำอาหารที่แฝงยาพิษเข้าไปให้ จนเป็นเหตุให้แม่ทัพเยว่เฟยเสียชีวิตในคุกขณะมีอายุเพียง 39 ปี โดยไร้โอกาสได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ การตายของเขาไม่เพียงพรากหนึ่งในเสาหลักของชาติไปจากประวัติศาสตร์ แต่ยังเป็นแผลในใจประชาชนที่ไม่มีวันลืมเลือน เรื่องราวของเขาไม่ได้จบลงเพียงเท่านั้น ประชาชนผู้โกรธแค้นและอัดอั้น ต่างแสดงออกเชิงสัญลักษณ์เพื่อประณามฉินฮุ่ยและภรรยา ด้วยการปั้นแป้งสองชิ้นประกบกันแล้วนำลงทอดในน้ำมันเดือด สาปแช่งด้วยไฟแห่งความแค้น เมื่อทอดจนกรอบ ก็ฉีกกินอย่างสะใจ และตั้งชื่อขนมนั้นว่า “อิ่วจาก้วย” ในภาษาจีนแต้จิ๋ว หมายถึง “น้ำมันทอดฉินฮุ่ย” ซึ่งคนไทยรู้จักเป็นอย่างดีว่า “ปาท่องโก๋”
ต่อมาชาวจีนทั้งหลายก็ยังคง มีความเคียดแค้นต่อขุนนางชั่วที่ทำให้แม่ทัพเยว่เฟยต้องถูกประหารชีวิต ภายหลังจึงทำรูปปั้นฉินฮุ่ยและภรรยาคุกเข่าเอามือไพล่หลังรับการสาปแช่ง

ภาพจาก : Larazon.es
คลิกลิงก์เพื่อชมคลิป ประชาชนกระทำต่อรูปปั้นของฉินฮุ่ย
https://youtube.com/shorts/NNOjA9vzg84?si=WUVLmfbMx_CiePXM
แม้กาลเวลาผ่านไปหลายร้อยปี รูปปั้นของฉินฮุ่ยและภรรยา ที่ถูกตั้งอยู่หน้าสุสานของเยว่เฟย ที่เมืองหางโจว ยังคงเป็นเป้าการสาปส่งของผู้มาเยือน ทั้งตบตี ถ่มน้ำลาย พ่นถ้อยคำด่าทอ และบางครั้งก็มีสิ่งอื่นตามจินตนาการของผู้คน…
เรื่องราวของฉินฮุ่ยจึงไม่ใช่เพียงเรื่องของการเมืองในอดีต แต่ยังเป็นเครื่องเตือนใจถึง “ภัยของการทรยศต่อบ้านเมือง” และ “ราคาของความอยุติธรรมที่ต้องจ่าย” โดยถูกบันทึกไว้ในทุกคำสาป… ทุกขนมแป้งทอด… และทุกหยดน้ำตาที่ประชาชนไม่อาจลืม