เมื่อศิษย์ คิดล้าง “ครู” เลือดเข้มกว่านํ้ากลับแปรเปลี่ยน ทรยศ เนรคุณต่อวิชาชีพตัวเอง “กรรมเลยบันดาล”
ตำนานนิยายจีนบู๊ลิ้ม เป็นอุทาหรณ์ สอนคนมาตั้งแต่ยุคโบราณ เรื่องของความฮึกเหิม “ศิษย์น้องผู้หนึ่ง” ถูกความละโมบ โลภมาก ครอบงำบดบัง คิดเป็นใหญ่แต่ผู้เดียว ในยุทธจักร ผลสะท้อน ย้อนเข้าตัวเอง อย่างน่าเศร้า !
บุรุษหนึ่ง อดทนฝึกปรือวิทยายุทธ จนถึงขั้นสูงสุด มิมีผู้ใดเปรียบได้ในยุทธภพ จนเกิดความเบื่อหน่าย หนีวงการ หมกตนเอง ในกระท่อม ห่างไกลผู้คน แต่มิวาย ยังสอนฝึกปรือวิทยายุทธ ให้ “ศิษย์คนสุดท้อง” อย่างสุดฝีมือ
หลังจากนั้น ปล่อยให้ศิษย์รักคนสุดท้อง โลดแล่นวงการ “สะท้านยุทธภพ” ปราบคนพาลทั่วสารทิศ จนขึ้นชื่อลือชา
ศิษย์น้องคนสุดท้าย โลดแล่น
มิมีผู้ใดต่อกรได้ พยายามสืบหา ยอดฝีมือทั่วสารทิศ คิดปราบให้เหี้ยน หวังจะได้เป็นหนึ่ง ในยอดฝีมือแต่ผู้เดียว กระทั่งเผชิญหน้า กับ “เซียนยอดฝีมือ” ผู้กระเดื่องนาม ทั้งคู่ต่อสู้กัน หลายร้อยกระบวนเพลง มิสามารถแพ้ชนะกันได้ สุดท้าย ผู้เป็นเซียน อ่อนล้า ขอพ่ายแพ้ แต่ยังพูดขึ้นว่า..
ถึงข้าจะเพลี้ยงพลํ้า แต่เจ้า “ก็มิใช่ยอดฝีมือ หนึ่งในแผ่นดิน !”
“ยังมีผู้ใด ที่เหนือกว่าข้า”…ศิษย์น้องถาม..?
เซียนผู้นั้น แหงนหน้าหัวเราะ พูดว่า “ยังมีอีกผู้หนึ่ง !” หากเจ้าสามารถต่อสู้ชนะ เจ้าจะเป็นยอดฝีมือ หนึ่งในแผ่นดินแท้จริง..
“มันคือผู้ใด ?” ศิษย์น้องคำราม
“เขาคืออาจารย์เจ้า”! หากเจ้าต่อสู้ชนะ คงเหลือเพียงเจ้าคนเดียวเท่านั้น “ที่เหนือปฐพี” !!

Cr. ขอบคุณเจ้าของภาพ
ศิษย์น้องครุ่นคิด ในชีวิตข้า จะมีผู้ใดเหนือกว่าในยุทธภพ ผ่านมาหลายมณฑล มิมีใครขวางข้าได้ ดังนั้นจึงหันกาย ทะยานกลับไปทิศบูรพา มิหยุดยั้ง มุงหน้าไปยัง กระท่อม ยอดเขา ที่พำนักของอาจารย์ ท่ามกลางหิมะ โปรยปราย
ถึงหน้ากระท่อม พบเด็กรับใช้ จึงตวาดถาม “เรียกอาจารย์เจ้าออกมา !”
เด็กรับใช้น้อมกายกล่าว “อาจารย์ไม่อยู่!” ออกไปเก็บสมุนไพรบนยอดเขา 3 วันแล้ว “เจ้าจงรอ”
เมฆคล้อย อากาศหนาวยะเยือก ศิษย์น้องยืนปักกระบี่ ท่ามกลางหิมะขาวโพลนท่วมตัว สักพักได้ยินเสียงฝีเท้า โลดแล่น ผ่านหิมะเบาบาง มาตรงหน้า
เป็นอาจารย์ ยอดฝีมือนั่นเอง ..กางร่มฝ่าหิมะ มาหน้ากระท่อม เมื่อเห็นศิษย์รัก ก็ร้องทักด้วย ยินดี..
“เจ้ากลับมาแล้ว..ยุทธภพ เป็นเช่นไร ?”
“ควักกระบี่ออกมา !!” ศิษย์น้องคำราม พร้อมตวัดกระบี่ โหมใส่ผู้เป็นอาจารย์ มิหยุดยั้ง !
มิทันระวังตัว อาจารย์พลิ้วกาย ด้วยสัญชาติญาน พลาง “หุบร่ม” รับกระบวนท่า…ในใจคิด ศิษย์น้อง คงต้องกลับมาทดสอบวิชา กับอาจารย์ เป็นแม่นมั่น ได้แต่รับ “ไม่คิดรุก” ถึงหลายร้อยกระบวนท่า วิทยายุทธได้ถ่ายทอดไปหมดสิ้นแล้ว การต่อสู้ดำเนินไปอย่างเข้มข้น รุนแรงหนักหน่วงยิ่งขึ้น ล้วนแต่เป็นกระบวนไม้ตาย ท่าเหี้ยมโหด หวัง “ปลิดชีวิต” ทั้งสิ้น เหตุใดเป็นเช่นนี้ ย่อมมิใช่ธรรมดาแล้วแน่นอน
ยิ่งอายุมาก เรี่ยวแรงอ่อนล้า ถดถอยเพลี่ยงพลํ้า เข้าทุกที สุดท้ายต้อง “ทรุดกาย” แนบพื้น..
ศิษย์ผู้น้อง เห็นดังนั้น มิชักช้า ทะยานขึ้นฟ้า พลิกกาย พุ่งกระบี่ ท่าไม้ตายสุดยอดหวัง “เสียบทะลุขั้วหัวใจ”
ผู้เป็นอาจารย์ อ่อนล้ายิ่งนัก เหลือบตา เอี้ยวตัว พร้อมยกปลายแหลมร่ม “เสียบเข้าลำคอ!”
“ศิษย์น้องตาค้างเบิกโพลง!” แม้ตายมิยอมเชื่อ ในโลกนี้ ยังมีความรวดเร็วปานนี้อีก ได้แต่สำลักถาม..
“อาจารย์…” นี่เป็นวิชาอะไร ?
“เป็นวิชาสุดท้าย ที่ยังไม่ได้สอนเจ้า”..อาจารย์พูดเบาๆ… (จบ)
(เรื่องนี้ เป็นอุทาหรณ์ ของความละโมบ โลภ ในอำนาจ ทะเยอทะยาน ลืมตัว ไม่คิดถึงความสัมพันธ์ ของศิษย์-อาจารย์ ที่เคยประสิทธิ์ประสาทวิชา ให้จนแก่กล้า ขาแข็ง แต่กลับเป็นศิษย์ คิดล้างครู หูเบา ยอมทิ้งอุดมการณ์ ความสัมพันธ์ เชื่อมโยง ที่ลึกซึ้งเข้มข้น จากอดีตไปจนหมดสิ้น)
Cr. ขอบคุณเจ้าของภาพ