นายไพศาล พืชมงคล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Paisal Puechmongkol ความว่า…

เตือน! “อย่าให้เงินกับปืนถึงกัน” เพราะอันตรายต่อความมั่นคง 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้
วันนี้ผมได้เดินทางกลับไปบ้านเกิดที่จังหวัดสงขลา อดีตแกนนำพรรคคอมมิวนิสต์มาลายาทั้งสามกรมทราบข่าว จึงพากันมาเยี่ยมและขอปรึกษาความทุกข์ร้อน ซึ่งเป็นปัญหาค้างคามาตั้งแต่ สนธิสัญญาสงบศึกสามฝ่าย ระหว่างรัฐบาลไทย รัฐบาลมาเลเซีย และพรรคคอมมิวนิสต์มาลายา ที่ได้ลงนามร่วมกันเมื่อปี พ.ศ. 2526
ภารกิจนี้เป็น “ภารกิจสุดท้าย” ที่รัฐบาล พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ยังค้างคาอยู่
เมื่อครั้งนั้น ภายหลังการลงนามสงบศึก รัฐบาลไทยมีพันธะที่จะต้อง จัดสรรที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยให้แก่สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์มาลายา ที่ยุติการต่อสู้และกลับมาอยู่ในประเทศไทย พลเอกเปรมจึงมอบหมายให้ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ดำเนินการตามคำสั่งที่ 66/2523 โดยให้กองทัพภาคที่ 4 เช่าที่ดินจากกรมป่าไม้เป็นเวลา 30 ปี เพื่อจัดสรรเป็นพื้นที่ทำกินให้แก่กลุ่มอดีตผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยในพื้นที่จังหวัดสงขลา ยะลา และนราธิวาส
จังหวัดนราธิวาสดำเนินการเสร็จสิ้นเรียบร้อย ไม่มีปัญหา แต่ในส่วนของ ยะลาและสงขลา ปัญหายังคงค้างคา

เพราะเมื่อครบกำหนดเช่า 30 ปี สัญญาระหว่างกองทัพภาคที่ 4 กับกรมป่าไม้สิ้นสุดลง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมอุทยานแห่งชาติ ได้เข้ามารับช่วงต่อและต้องการนำพื้นที่คืน โดยกล่าวหาว่าชาวบ้านเหล่านั้น “บุกรุกที่ดินของรัฐ” พร้อมออกคำสั่งให้รื้อถอนบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างทั้งหมด
แต่ในความเป็นจริง ปัจจุบันพื้นที่เหล่านั้นได้กลายเป็นชุมชนใหญ่ มีบ้านเรือน ถนนหนทาง และเศรษฐกิจเจริญรุ่งเรือง ชาวคอมมิวนิสต์มาลายาเก่ามองว่านี่คือ “พันธะของรัฐไทยตามสนธิสัญญาสงบศึก” รัฐบาลจึงต้องจัดการให้ถูกต้องตามข้อตกลงเดิม
พวกเขา ไม่ยอมรื้อถอนหรือย้ายออก เพราะเห็นว่ารัฐบาลละเลยพันธกรณีทางการเมืองและศีลธรรม
ยิ่งกว่านั้น เมื่อผู้ก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ทราบเรื่อง ก็เข้าให้การช่วยเหลือและร่วมป้องกันชาวบ้าน โดยตั้งหน่วยซุ่มยิง วางระเบิด และขัดขวางไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าพื้นที่รื้อถอน

สถานการณ์นี้ อันตรายยิ่งต่อความมั่นคงของชาติ เพราะ “เงินกับปืนกำลังจะถึงกัน” หากเกิดเป็นเนื้อเดียวกันเมื่อใด จะกลายเป็น เชื้อไฟลุกลามในสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างยากจะควบคุม
ขณะนี้กระทรวงกลาโหมได้ทำหนังสือถึงกระทรวงทรัพยากรฯ เพื่อขอเช่าที่ดินต่อ แต่เรื่องยังไม่คืบหน้า ขณะที่ความเดือดร้อนของประชาชนรอไม่ได้ และสถานการณ์ภาคใต้ก็กำลังร้อนแรง
อดีตแกนนำพรรคคอมมิวนิสต์มาลายาได้นำภาพเก่าปี 2545 มามอบให้ผม เป็นภาพการพบปะระหว่าง ท่านเฉินผิง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์มาลายา พร้อมด้วย ท่านจางจงหมิง และ ท่านอี้เจียง ผู้บัญชาการกรมรบที่ 8, 10 และ 12 ซึ่งเคยเดินทางมาพบผมที่สำนักงานธรรมนิติบางโพ เพื่อสานต่อภารกิจสุดท้ายของพลเอกเปรม

วันนี้ ผู้นำรุ่นแรกเหล่านั้นล่วงลับไปหมดแล้ว แต่ทายาทรุ่นต่อมายังคงยืนหยัดดำเนินภารกิจต่อ และได้มาพบผมอีกครั้ง เพื่อขอให้ช่วยผลักดันให้รัฐบาลทำตามพันธะในสนธิสัญญา
ผมจึงได้แจ้งไปยังกองทัพภาคที่ 4 ว่า “อย่าให้เงินกับปืนถึงกันเป็นอันขาด เพราะจะเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ”
พร้อมกันนั้น ผมได้แจ้งประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณากฎหมายนิรโทษกรรมผู้บุกรุกที่ดินของรัฐ ให้เข้ามาช่วยหาทางออกและป้องกันไม่ให้ไฟใต้ลุกขึ้นอีกครั้ง
นี่ไม่ใช่เรื่องของอดีตคอมมิวนิสต์ แต่เป็นเรื่องของคำมั่นระหว่างรัฐกับประชาชน
ถ้ารัฐบาลละเลย ความสงบสุขในสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้จะไม่มีวันเกิดขึ้นได้อีกเลย

















