ประชาธิปัตย์ เดินหน้า “เปลี่ยนผ่าน” สู่ยุคใหม่ ชู 3 แกนหลัก “สุจริต-มืออาชีพ-ไว้วางใจ” พร้อมสะท้อนปัญหาหาดใหญ่ถึงรัฐบาล

(16 ธันวาคม 2568) นายพงศกร ขวัญเมือง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงความคืบหน้าภายในพรรคและการขับเคลื่อนนโยบายเพื่อนำพาประเทศชาติพ้นจากวิกฤต โดยได้กล่าวถึงกระแสข่าวที่มีอดีต สส. และผู้บริหารย้ายพรรค ว่า พรรคประชาธิปัตย์ เป็นสถาบันทางการเมืองที่มีประวัติยาวนานกว่า 79 ปี กำลังเข้าสู่กระบวนการที่เรียกว่า “การเปลี่ยนผ่าน” อันเป็นเรื่องปกติ และหัวใจสำคัญของกระบวนการดังกล่าวคือการ “สร้างคนใหม่” ที่พรรคฯ มีเป้าหมายในการสร้าง สส. ที่ดี เพื่อให้สามารถนำไปสู่การสร้างพรรคการเมืองที่ดี และสร้างประเทศชาติที่ดีขึ้นได้
จากการที่พรรคประชาธิปัตย์ได้รับความสนใจจากผู้แสดงเจตจำนงในการลงสมัครรับเลือกตั้งจำนวนมาก อาทิ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีผู้สมัคร สส. เขตกว่า 150 คน และผู้สมัคร สส. บัญชีรายชื่อมากกว่า 200 รายชื่อ จึงทำให้ขณะนี้พรรคฯ กำลังดำเนินการตามกระบวนการคัดสรรผู้สมัครอย่างต่อเนื่อง ทั้งการสัมภาษณ์ การทำไพรมารี และการพิจารณาตัดสินสุดท้ายโดยคณะกรรมการบริหารพรรค ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสิ้นและพร้อมเปิดตัวในสัปดาห์หน้า
นอกจากนี้โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ได้ระบุถึงสิ่งที่พรรคฯ ต้องการนำไปใช้ในการหาเสียงครั้งนี้ ประกอบไปด้วย 3 สิ่งหลัก
- ประการแรกคือ การเมืองสุจริต พรรคประชาธิปัตย์ยืนหยัดในหลักการนี้มาตั้งแต่ก่อตั้งพรรค โดยชี้ว่าปัญหาในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นทุนเทา การคอร์รัปชัน หรือปัญหาการประมูล สส. ล้วนเกิดจากการเมืองที่ไม่สุจริต
- ประการที่สองคือ ความเป็นมืออาชีพ ในสถานการณ์ที่ประเทศต้องเผชิญกับสงครามการค้า ปัญหาชายแดน และเศรษฐกิจที่ชะลอตัว การมีเพียงนโยบายอย่างเดียวไม่เพียงพอ แต่พรรคมีสิ่งที่มากกว่าแค่นโยบาย ซึ่งก็คือความเชี่ยวชาญ ความชำนาญการ และมีที่ปรึกษาในการบริหารประเทศ อาทิ ด้านเศรษฐกิจ อย่าง นายพิสิฐ ลี้อาธรรม นายกรณ์ จาติกวณิช รวมถึงคนรุ่นใหม่ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจและการลงทุน อย่างนายวีระพงษ์ ประภา
- ประการที่สามคือ ความไว้วางใจ หากวันนี้จะต้องฝากประเทศไว้กับพรรคใดในการแก้ไขปัญหาไม่ว่าจะเป็นชายแดน หรือปัญหาเศรษฐกิจหรือสงครามการค้า ก็เชื่อมั่นได้ว่าสามารถฝากไว้กับพรรคประชาธิปัตย์ได้ เพราะพรรคไม่มีดีลลับ และมีความเป็นมืออาชีพ พรรคฯ พร้อมที่จะนำพาประเทศไปในทิศทางที่ถูกต้องมากกว่าการเล่นเกมการเมือง และสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ประเทศไทยพัฒนาได้
นายพงศกรได้กล่าวถึงการลงพื้นที่ของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคฯ และคณะ ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวานนี้ว่า ต้องการสะท้อนปัญหาที่ยังคงเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของพื้นที่ เพื่อเสนอให้รัฐบาลเร่งดำเนินการโดยปัญหาที่สำคัญคือ ธุรกิจกลับมาดำเนินการได้เพียงไม่ถึง 20% และปัญหาเรื่องรายได้ที่ขาดหายไป นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่องดอกเบี้ยที่ยังเดินต่อไป แม้จะมีการพักชำระเงินต้น ก็อาจนำไปสู่การเกิดดอกเบี้ยทบต้นในอนาคต การเข้าถึงแหล่งเงินทุนก็ยังจำกัดเพียงประมาณ 200,000 บาท แต่ยังไม่เพียงพอต่อการแก้ไขปัญหาของธุรกิจขนาดใหญ่ รวมถึงปัญหาของโรงเรียนหลายแห่งที่ยังขาดแคลนอุปกรณ์การเรียนและชุดนักเรียนเนื่องจากได้รับความเสียหายจากน้ำ
นายพงศกรกล่าวปิดท้ายว่า ปัญหาเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องเร่งแก้ไข และฝากให้รัฐบาลอย่า “อย่าลืมหาดใหญ่” เพราะพื้นที่ยังคงต้องการความช่วยเหลือ

















