การเมืองอำมหิตเล่นงาน ประยุทธ์ มหากิจศิริ (3)

ภาพจาก กรุงเทพธุรกิจ
ในการรวมโฉนดเดิม 6 โฉนดและออกโฉนดใหม่นั้น ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดคือ
- การ รังวัดสอบเขต ที่ดินในภูมิประเทศจริง ตามหมุดหลักเขตในโฉนดที่ดินเดิม
- การจัดทำแผนที่ที่ดินแปลงใหม่ เพื่อออกโฉนดใหม่
ในขั้นตอนนี้ มีการดำเนินการดังต่อไปนี้
– สำนักงานที่ดินจังหวัด อาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายที่ดิน จะออกหมายนัดไปยังผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ให้ร่วมกันเดินสำรวจระวังแนวเขตและรับรองแผนที่ประกอบด้วย ตัวแทนทางอำเภอ กำนันผู้ใหญ่บ้าน ผู้แทน อบต. ผู้แทนป่าไม้ ผู้แทนอุทยาน ผู้แทนสปก และเจ้าของที่ดินข้างเคียง ให้ไปพร้อมกันที่ที่ดิน ที่จะเดินสำรวจ แนวเขต
– ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมทั้งเจ้าพนักงานที่ดิน จะออกเดินสำรวจภูมิประเทศจริง ว่าพื้นที่ดินตามโฉนดที่ดิน 6 ฉบับเดิม มีอาณาเขตอย่างไร โดยถือหมุดแผนที่ ของโฉนดที่ดินเดิมเป็นหลัก และปักหมุดหลักเขตทำแผนที่เพื่อออกโฉนดใหม่
ทั้งนี้ตามระเบียบข้อปฏิบัติตามประมวลกฎหมายที่ดิน โดยผู้ร่วมเดินสำรวจทั้งหมด จะต้องช่วยกันระวังแนวเขตของตนเอง เพื่อไม่ให้บุกรุกหรือรุกล้ำกัน
ซึ่งเจ้าพนักงานรังวัดที่ดินก็จะทำรูปแผนที่ใหม่ตามที่มีการเดินสำรวจและรับรองนั้น โดยจะมีการปักหมุดหลักเขตแผนที่ตามจุดต่างๆ ที่มีการเดินสำรวจในภูมิประเทศจริงจนครบทั้ง 6 แปลง
– การเขียนรูปแผนที่ใหม่จากการเดินสำรวจ ภูมิประเทศจริง
เมื่อเสร็จสิ้นแล้ว ก็จะได้รูปแผนที่ของโฉนดใหม่ ซึ่งจะมีการปักหลักหมุดเขต ตามจุดต่างๆ ตามที่มีการสำรวจรังวัดนั้น
จากนั้นผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายก็จะลงนามรับรองแทนที่ ฉบับใหม่ที่ได้ยกร่างขึ้น
– เจ้าพนักงานที่ดินก็จะตรวจสอบรูปแผนที่ที่ดิน ที่มีการรวมทั้ง 6 โฉนดเป็นแปลงใหม่แล้ว กับระวางใหญ่ของสำนักงานที่ดิน ว่าในระวางใหญ่ ของสำนักงานที่ดิน ซึ่งครอบคลุมแผนที่โฉนดแปลงใหม่ด้วยนั้น มีที่ดินหลวง ประเภทใดอยู่บ้างหรือไม่ และทับซ้อนกันบ้างหรือไม่ เมื่อตรวจสอบแล้วไม่ปรากฏการทับซ้อน ก็จะสั่งให้มีการ ทำแผนที่ของโฉนดที่ดินแปลงใหม่
จากนั้น ก็จะออกโฉนดที่ดินแปลงใหม่ตามประมวลกฎหมายที่ดิน
ดังนั้นที่ดินแปลงเดิมทั้ง 6 โฉนดก็ดี หรือที่ดินแปลงใหม่ที่รวมที่ดินแปลงเดิม 6 โฉนดก็ดี จึงเป็นเอกสาร สิทธิ์ที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายที่ดิน และถือว่าถูกต้อง
ในการดำเนินการทุกขั้นตอนทั้งหมดนี้นายประยุทธ์ไม่ได้ไปเกี่ยวข้องด้วยเลยแม้แต่น้อย เป็นเรื่องที่เจ้าพนักงาน และผู้เกี่ยวข้องที่ต่างคนต่างไปต่างคนต่างทำหน้าที่ของตนได้ทำขึ้น ตามอำนาจหน้าที่ของแต่ละคน โดยไม่มีข้อเท็จจริงใดๆ ว่าคนเหล่านั้นได้ร่วมสมรู้สมคบกันกระทำเพื่อประโยชน์ของ ตนเองหรือของ บริษัทของประยุทธ์ จนกระทั่งการออกโฉนดแปลงใหม่แล้วเสร็จ
นับตั้งแต่การเดินสำรวจ การรับรองแผนที่และการออกโฉนดมาจนถึงปัจจุบันนี้ ไม่ว่ากรมป่าไม้หรือกรมอุทยาน หรือ สปก. ที่เป็นผู้มีอำนาจหน้าที่ดูแลที่ดิน ป่าไม้ อุทยานและ สปก. ไม่เคยทักท้วงหรือกล่าวอ้างว่า โฉนดที่ดิน 6 โฉนดเดิมหรือโฉนดที่ดิน แปลงใหม่ ทับซ้อน ที่ดินป่าไม้ ที่อุทยานหรือ สปก. เลย เป็นเรื่องที่ ป.ป.ช กล่าวอ้างเอาข้างเดียว ประกอบความเห็นของกรมพัฒนาชุมชน ว่าพื้นที่นั้น เคยมีที่ดินป่าไม้ หรือ สปก. ซึ่งกรมพัฒนาชุมชน ไม่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายจัดตั้งกระทรวงทบวงกรมเกี่ยวกับที่ดินป่าไม้อุทยานหรือ สปก. เลย จึงหักล้าง หลักฐานการเดินสำรวจการรับรองแผนที่ และการออกโฉนดใหม่ ของเจ้าพนักงานที่ดินไม่ได้
ข้อเท็จจริงต้องฟังว่า การออกโฉนดใหม่ไม่ได้ทับซ้อนที่ดินหลวง
และนายประยุทธ์ไม่ได้เกี่ยวข้องไม่ได้กระทำการใดๆ ในการดังกล่าวนี้เลยจึงไม่ได้กระทำความผิด
กรณีมีเหตุผลที่สมควรอุทธรณ์ คำพิพากษาของศาลอาญาทุจริต ได้
Cr. Paisal Puechmongkol