การเมือง

มาศึกษาพิชัยสงครามด้วยกันเถิด (ตอนที่ 10) 


7 สิงหาคม 2025, 9:48 น.

 

มาศึกษาพิชัยสงครามด้วยกันเถิด (ตอนที่ 10) 

โดยเรืองวิทยาคม

 

 

10. ขุนพล

ซุนวูได้กล่าวถึงหลักวินิจฉัยสงครามที่เป็นปัจจัยภายนอกและไม่มีชีวิตมาโดยลำดับ และในลำดับต่อไปนี้ ซุนวูได้กล่าวถึงเรื่องของขุนพลว่าเป็นหนึ่งในหลักวนิจฉัยสงคราม 5 ประการด้วย และในประการนี้ เป็นเรื่องของสิ่งมีชีวิตจิตใจ มีเลือดเนื้อ มีความผันแปรเปลี่ยนแปลง ได้ตลอดเวลา และความผันแปรเปลี่ยนแปลงนั้น นอกจากขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกที่มารุมเร้าแล้ว ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยภายใน ของผู้เป็นขุนพลเอง ได้แก่ ความรู้สึกสำนึก และอารมณ์ต่าง ๆ ตลอดจนสิ่งที่มีอิทธิพลต่อความคิดจิตใจทั้งภายนอกและภายใน ทั้งใกล้และไกล โดยเฉพาะผ็คนในครอบครัว บริวาร เพื่อนฝูง ที่อาจมีอิทธิพลต่อผู้เป็นขุนพลได้ ดัวนั้น หลักวินิจฉัยสงครามข้อนี้ จึงไม่คงที่ แต่ผันแปรเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา แม้กระนั้น การกุมหรือเข้าใจสภาพที่เป็นธาตุแท้ของขุนพล ที่ถูกต้องเที่ยงตรง ก็จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง และสามารถนำไปพิจารณาประกอบถึงความผันแปรเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ได้ด้วย 

 

เพราะเหตุที่หนึ่งในปัจจัยสำคัญในการวินิจฉัยสงคราม คือธรรม ดังนั้น ขุนพลจึงต้องเป็นผู้มีธรรมด้วย หาไม่แล้วจะแสดงออก หรือปฏิบัติการใด ๆ ที่เป็นธรรมไม่ได้เลย นอกจากมีจิตใจที่มีธรรมแล้ว การแสดงออกซึ่งจิตใจที่มีธรรมนั้น ก็ต้องถูกต้องด้วยกาลเวลาและสถานการณ์ทั้งหลาย เหตุนี้ ผู้เป็นขุนพลต้องเฉลียวฉลาดในการปฏิบัติหรือในการแสดงออก เพื่อให้เหล่าพลและมวลชนทั้งหลาย แม้กระทั้ง ข้าศึกเห็นและเชื่อมั่นว่าเป็นผู้มีธรรม 

 

แต่ทว่า ความทรงธรรมนั้น ไม่ใช่ตัวชี้ขาดในการดำเนินสงครามว่าจะได้เปรียบเสียเปรียบ ได้ชัยหรือปราชัย แต่ยังขึ้นกับสติปัญญาความสามารถในการควบคุมกำลังพล ในการวางกำลังพล ในการเคลื่อนย้ายกำลังพล ในการกำหนดยุทธภูมิ ในการวางแผนการรบ การยุทธและยุทธการต่าง ๆ โดยสอดคล้องกับสภาพดิน ฟ้า อากาศ ภูมิประเทศ และลักษณะเปรียบเทียบทั้งปวงของฝ่ายข้าศึกด้วย 

 

ผู้เป็นขุนพลนั้น ไม่จำเป็นต้องรบเก่ง โดยลำพังตนเสมอไป แต่ถ้าเป็นขุนพลที่มีฝีมือการรบเฉพาะตัวที่เก่งกล้าสามารถด้วยแล้ว ก็จะเพิ่มจุดเด่นและความได้เปรียบมากขึ้น เพราะเป็นธรรมดาของคนทั้งหลาย ที่จะยอมรับนับถือเชื่อฟังคนเก่ง หรือหวาดกลัว คร้ามเกรงฝ่ายตรงกันข้ามที่เป็นคนเก่ง 

 

ยกตัวอย่าง บุเรงนอง อดีตพระมหาราช ของพม่า ซึ่งขึ้นชื่อรือชาในความปรีชาสามารถในการบัญชาทหารและในการสงครามทั้งปวงแล้ว พระองค์ยังมีฝีมือในการรบเฉพาะพระองค์ที่เก่งกล้าสามารถเลื่องชื่อลือชา ว่าเป็นยอดนักรบของตองอู เป็นศิษย์เอกของมหาเถรมังสินธู เจ้าขรัวสังฆราชเมืองตองอู แห่งวัดกุโสดอ เป็นตำนานเหล่าขานที่เลื่องชื่อลือชาว่าศิษย์เอกมังสินธูผู้มีมีฝีมือรบ ไม่ว่ากระบวนดาบหรือกระบวนทวนที่จัดจ้านยิ่งนัก จึงเป็นที่คร้ามเกรงของอริราชศัตรูเป็นพิเศษ 

 

หรือกวนอู ผู้เป็นน้องรองของเล่าปี่ในสามก๊ก ก็ขึ้นชื่อลือชาในฝีมือการรบเฉพาะตัว ถือกันว่าเป็นเทพแห่งสงครามที่มีสัญลักษณ์เฉพาะตัว คือเครายาวดำขลับ หน้าแดงดังผลพุทราสุก ที่สามารถฝ่าทหารนับหมื่นเข้าไปตัดหัวแม่ทัพได้ ประดุจหยิบส้มออกจากลัง ดังตัวอย่างเมื่อครั้งขี่ม้าเซ็กเธาว์ฝ่าเข้าไปในกองทัพของงันเหลียงและบุนทิว ยอดแม่ทัพชั้นเอกของอ้วนเสี้ยว ซึ่งเป็นยอดฝีมือที่เลื่องชื่อลือชาของแผ่นดิน และกวนอูสามารถตัดศีรษะสองแม่ทัพนี้ได้พริบตา จึงเป็นที่หวาดกลัวในฝีมือการรบยิ่งกว่าใครในแผ่นดิน 

 

และเพราะเกียรติภูมิที่โด่งดังสะท้านฟ้าสะเทือนดินนี้ จึงทำให้บางครั้ง กวนอูสามารถแก่ไขสถานการณ์วิกฤตได้โดยไม่ต้องรบ 

 

ดังตัวอย่างเมื่อครั้งที่ จิวยี่หลอกเล่าปี่ไปกินโต๊ะที่เมืองกังตั๋ง หวังจะฆ่าเล่าปี่เสีย โดยสุ่มทหารไว้ ภายนอกสถานที่จัดเลี้ยง ให้รอฟังสัญญาณทิ้งจอกสุรา ก็ให้กรูกันมาฆ่าเล่าปี่เสีย แต่ในยามต้องตัดสินใจจิวยี่เห็นนายทหารลักษณะประหลาดเอาเรื่องเอาราว ยืนตระหง่านอยู่ข้างเล่าปี่ก็แปลกใจ จึงสอบถามเล่าปี่ว่าเป็นผู้ใด พอทราบว่าเป็นกวนอู จิวยี่ก็ไม่กล้าทิ้งจอกสุราสัญญาณเรียกทหารให้มาฆ่าเล่าปี่ เพราะระยะแค่เอื้อมนั้น จิวยี่รู้ดีว่า กวนอูสามารถสังหารตนได้ในพริบตา เล่าปี่จึงรอดจากการถูกสังหารครั้งนัน้ได้อย่างหวุดหวิด 

 

ถ้าขุนพลใด เจนจบในพิชัยสงครามก็ยิ่งเป็นยอดขุนพล และถ้าขุนพลใดเจนจบในวิชากุนซือด้วย ก็ต้องถือว่าเป็นอัครยอดขุนพล และขุนพลระดับนี้ในประวัติศาสตร์สามก๊ก ก็มีขงเบ้งกับสุมาอี้ในยุคหลังก็เป็นเกียงอุย หรือถ้าเป็นสมัยรัตนโกสินทร์ก็มีสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท 

 

ผู้เป็นขุนนั้น นอกจากต้องมีลักษณะดังกล่าวแล้ว ยังต้องเป็นผู้มีความเที่ยงธรรม มีความเมตตา มีความกล้าหาญและมีความเข้มงวดเด็ดขาด 

 

ขุนพลที่เป็นขุนพลแต่ในนาม ในขณะที่ธาตุแท้ที่ไม่ใช่ยอดขุนพลก็มีคนแบบอ้วนเสี้ยว คือเป็นแม่ทัพใหญ่ เชื้อสายขุนนางเก่า ครองหัวเมืองใหญ่มีไพร่พลมหาศาลแต่ไม่มีความเที่ยงธรรม มีความเมตตา ขี้ขลาดและหย่อนยานในระเบียบวินัยทั้งหลาย ที่สำคัญคือไม่มีสติปัญญา ความสามารถในการบัญชากองทัพ ดังนั้น แม้จะเป็นขุนพลใหญ่คุมกองทัพเกือบร้อยหมื่นที่มีความพร้อมทุกอย่าง ในที่สุดก็ปราชัยย่อยยับจนตัวตาย และทำให้ตระกูลอ้วนพังพินาศ

 

ข่าวในหมวดเดียวกัน

เพิ่มเติม...

การเมือง

คอลัมนิสต์

คมในความ

มหาราษฎร์ Shorts

ภาพเก่าเล่าอดีต

ไฮไลท์

ข่าวประชาสัมพันธ์

ตำรวจ ทหาร อัยการ ศาล คุก

ท่องเที่ยว

ศาสนา

สุขภาพ

แวดวงนักรบ

สังคม

บทบาทบุคคล

< กลับหมวดการเมือง

เรื่องล่าสุด