การเมือง

มาศึกษาพิชัยสงครามกัน เถิด (ตอน 11)


7 สิงหาคม 2025, 11:26 น.

 

มาศึกษาพิชัยสงครามกัน เถิด (ตอน 11)

โดย เรือง วิทยาคม

 

11. ระเบียบวินัย

ซุนวูกล่าวว่า ระเบียบวินัยคือระบอบการจัดสรรพลรบ วินัยแห่งทหารและการใช้จ่ายของกองทัพ แต่ความหมายที่แท้จริง คือการจัดระบบระบอบ ของกองทัพทั้งกระบวน ตั้งแต่การเตรียมวางแผน การเตรียมกำลัง การเตรียมอาวุธยุทโธปกรณ์ การสร้างพันธมิตร การเตรียมกำลังทางเศรษฐกิจและเสบียง โดยสรุป คือทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการทำสงคราม นอกจากประมุข ขุนพล สภาพดินฟ้าอากาศ ภูมิประเทศแล้ว ที่เหลือทั้งหมดเป็นเรื่องของสิ่งที่เรียกว่าระบบการจัดสรรพลรบ หรือที่ซุนวูกล่าวว่าคือระเบียบวินัยนั้นเอง 

 

เพราะสงครามจำเป็นต้องใช้คน อาวุธ ยานพาหนะ เสบียงอาหาร และเงินทองจำนวนมาก ดังนั้น นอกจากต้องเตรียมการสิ่งเหล่านี้อย่างเพียงพอ สอดคล้องกับแผนการรบแล้ว ยังจำเป็นต้องจัดเรื่องการสำรอง เรื่องทั้งหลายเหล่านี้อย่างเพียงพอ ไม่ให้ขาด หรือเป็นอันตรายจากการถูกทำลายของข้าศึกด้วย

 

พระเจ้าเล่าปัง ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ฮั่น ทรงวางภารกิจสำคัญนี้ ไว้กับยอดคนของแผ่นดินของพระองค์ คือเซียวเหอ จึงทำให้การทำสงครามทุกสงครามของพระเจ้าเล่าปัง สามารถดำเนินไปอย่างราบรื่น และกองทัพมีความอุดมสมบูรณ์ทั้งกำลังพล อาวุธ ยานพาหนะ เสบียง และสิ่งของทั้งหลาย เป็นที่ชื่นชมกันทั้งแผ่นดิน ถึงกับเมื่อครั้งที่พระเจ้าเล่าปังทรงแสดงปฐมบรมราชโองการในการขึ้นครองราชย์ และปราบดาภิเษกเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ฮั่น ทรงกล่าวยกย่องสรรเสริญเซียวเหอไว้เป็นอันมากว่า “ในเรื่องยุทธศาสตร์และการวางแผนรุกรบรับมือข้าศึก ข้าสู้เตียวเหลียงไม่ได้ ในเรื่องการนำทัพเข้าต่อตี ทำลายข้าศึกป้องกันเมือง ข้าสู้หานซิ่นไม่ได้ ในการระดมพลและเสบียงบำรุงเลี้ยงกองทัพไม่ให้ขัดสนข้าสู้เซียวเหอไม่ได้ แต่เจ้าทั้งสามคนสู้ข้าไม่ได้เพียงตรงที่ข้าสามารถทำให้พวกเจ้าทั้งสามคน สามารถสำแดงความสามารถสูงสุดที่พวกเจ้ามีได้” 

 

จากนั้นก็ทรงโปรดให้วาดภาพสามขุนพลนี้ ไว้ในศาลสำหรับบรรจุพระบรมศพของพระมหากษัตริย์ เพื่อเป็นเกียรติแก่สามยอดขุนพลนี้ ดังหลักฐานเมื่อครั้งที่ขงเบ้งขอเปิดสุสานพระเจ้าเล่าปี่เพื่อถวายบังคมลาไปทำศึกครั้งสุดท้ายของชีวิต ก็ได้เข้าไปสักการะศาลแห่งราชวงศ์ฮั่นก็ได้เห็นรูปของสามยอดขุนพลประดับอยู่ ข้างพระบรมฉายาลักษณ์ของพระเจ้าเล่าปัง 

 

ในเรื่องของระบอบการรบนั้น นอกจากการสั่งสมแสวงหาจัดให้มีอย่างพร้อมเพรียงแล้ว ยังหมายความรวมถึงการป้องกันรักษาไม่ให้ถูกทำลายจากข้าศึกอีกด้วย ถ้าพลาดพลั้งผิดพลั้งในเรื่องนี้ก็จะเกิดความเสียหายย่อยยับ 

 

ในสงครามกัวต๋อที่อ้วนเสี้ยวนำทัพ 70 หมื่น รบกับโจซึ่งนำทัพ 7 หมื่น มีกำลังพลแตกต่างกันถึง 10 เท่า เพื่อยึดพื้นที่ เพื่อชิงพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสานของจีนในยุคสามก๊ก ซึ่งตระกูลอ้วนตั้งหลักปักฐานมาช้านาน ถึง 3 ชั่วอายุคนแล้ว

 

ในสงครามครั้งนี้โจโฉเป็นรองทุกด้าน แต่ในที่สุดโจโฉได้วางแผนเผาคลังเสบียงใหญ่ของกองทัพอ้วนเสี้ยว ที่ตำบลกัวต๋อจนพินาศย่อยยับทำให้กองทัพอ้วนเสี้ยว 70 หมื่นต้องปราชัยอย่างยับเยิน เพราะหลังจากคลังเสบียงใหญ่ถูกทำลายไม่ถึง 3 วัน กองทัพอ้วนเสี้ยวก็แตกพ่ายกระจัดกระจายและพ่ายแพ้ในที่สุด 

 

สงครามครั้งนี้ได้ทำให้โจโฉเป็นใหญ่ขึ้นในแผ่นดินจีน และเข้าครองเมืองหลวงเป็นฐานอำนาจในเวลาต่อมา 

 

ดังนั้น สงครามระหว่างโจโฉและอ้วนเสี้ยวครั้งนี้ แม้ว่าเป็นศึกชิงภาคเหนือและภาคอีสานล้มล้างตระกูลอ้วนออกจากเมืองจีน แต่ถูกเรียกว่าสงครามกัวต๋อ ก็เพราะว่าคลังเสบียงที่ตำบลกัวต๋อนั้น เป็นจุดชี้ขาดแพ้ชนะของสงครามในครั้งนี้นี่เอง

 

ดังนั้น ซุนวูจึงได้สรุปในบทการวิเคราะห์หยั่งทราบสงครามเอาไว้อย่างแหลมคมมาก “ด้วยเหตุฉะนี้ จึงต้องเปรียบเทียบภาวะต่าง ๆ เพื่อทราบความจริง กล่าวคือ มุขบุรุษฝ่ายไหนมีธรรม ขุนพลฝ่ายไหนมีสมรรถภาพ ดินฟ้าอากาศอำนวยประโยชน์แก่ฝ่ายใด การบังคับบัญชาฝ่ายไหนยึดปฏิบัติมั่น มวลพลฝ่ายไหนแข็งกล้า ทแกล้วทหารฝ่ายไหนชำนาญศึก การปูนบำเหน็จหรือการลงโทษ ฝ่ายไหนทำได้โดยเที่ยงธรรม จากเหตุเหล่านี้ ข้าพเจ้าก็พอหยั่งถึง ซึ่งความมีชัยหรือปราชัยได้แล้ว”

 

ข่าวในหมวดเดียวกัน

เพิ่มเติม...

การเมือง

คอลัมนิสต์

คมในความ

มหาราษฎร์ Shorts

ภาพเก่าเล่าอดีต

ไฮไลท์

ข่าวประชาสัมพันธ์

ตำรวจ ทหาร อัยการ ศาล คุก

ท่องเที่ยว

ศาสนา

สุขภาพ

แวดวงนักรบ

สังคม

บทบาทบุคคล

< กลับหมวดการเมือง

เรื่องล่าสุด