การเมือง

“ภูมิธรรม” ประชุมผู้ว่าฯ ชายแดน 4 จังหวัดอีสานใต้ ย้ำ 5 ข้อสั่งการ ดูแลชีวิต–ทรัพย์สินประชาชนเป็นหัวใจ พร้อมหนุนค่าตอบแทน ชรบ. กว่า 100 ล้าน


9 สิงหาคม 2025, 16:43 น.

 

“ภูมิธรรม” ประชุมผู้ว่าฯ ชายแดนไทย-กัมพูชา 4 จังหวัดอีสานใต้ ย้ำ 5 ข้อสั่งการโดยคำนึงชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนเป็นหัวใจสำคัญ พร้อมเตรียมอนุมัติค่าตอบแทน ชรบ. ในพื้นที่กว่า 100 ล้านบาท เพื่อเป็นขวัญกำลังใจผู้ดูแลบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงแนวชายแดน

 

 

วันนี้ (9 ส.ค. 68) เวลา 10.15 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี โดยมี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร อธิบดีกรมการปกครอง ร.ต.ท.ภพชนก ชลานุเคราะห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นางสุดฤทัย เลิศเกษม อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ร่วมประชุม ที่ห้องประชุมมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ โดย น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ประชุมผ่านระบบ Video Conference จากที่ว่าการอำเภอเดชอุดม จ.อุบลราชธานี

 

นายภูมิธรรม กล่าวว่า สถานการณ์ภายหลังจาก รักษาการ รมว.กลาโหมได้เจรจาในการประชุม GBC ที่ประเทศมาเลเซีย มีผลการเจรจาเป็นที่น่ายินดีในชั้นต้นเพราะเราต้องการความจริงจังและจริงใจจากกัมพูชา ด้วยจุดมุ่งหมายสำคัญ คือ การรักษาสันติภาพให้ดีขึ้นเพื่อรักษาบ้านเมืองให้ชีวิตประชาชนได้มีสิ่งที่ดีที่สุด ซึ่งกองทัพได้หารือและมีข้อสรุป คือ การหยุดยิงเกิดขึ้นโดยทันทีหลังจากที่ได้มีการคุยกัน โดยขณะนี้มีการเพิ่มอาเซียนเข้ามาเป็นสักขีพยาน รวมทั้งประเทศใหญ่ทั้งสหรัฐอเมริกาและสาธารณรัฐประชาชนจีน ก็เข้ามาสังเกตการณ์ และประเทศเหล่านี้ก็ได้ส่งตัวแทนเข้าไปดูสถานที่จริงแล้ว ทำให้ได้เห็นความสูญเสียของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ ทั้งทหาร ตำรวจ และพลเรือน โดยเมื่อการประเมินได้รับการยอมรับจากกองทัพแล้วว่าปลอดภัยทุกพื้นที่ประชาชนจึงจะกลับได้ โดยต้องขอบคุณกระทรวงการต่างประเทศที่เข้ามาดูแลพูดคุยเจรจาและการรักษาสันติภาพ รวมถึงกระทรวงมหาดไทย ทั้งกรมการปกครอง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยที่ทุกส่วนขับเคลื่อนสนับสนุนบทบาทของพื้นที่อย่างเต็มกำลังตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ รวมถึงสำนักนายกรัฐมนตรี ในเรื่องเงินกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย และด้านการสื่อสารประชาสัมพันธ์ของกรมประชาสัมพันธ์

 

นายภูมิธรรม ได้สั่งการ 5 แนวทางการบริหารจัดการในอำนาจหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัด ได้แก่ 1. อำนวยความสะดวกพี่น้องประชาชนกลับบ้าน โดยสามารถขอรับการสนับสนุนจากส่วนกลาง ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้สั่งการทุกส่วนงายให้พร้อมสนับสนุนทันทีแล้ว ขณะที่ในกลไกพื้นที่ ขอให้วางแผนบูรณาการความร่วมมือทุกส่วนเพื่อให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนกลับให้ได้เร็วที่สุด เพราะเขาจากบ้านมานานแล้ว รวมถึงการอำนวยความสะดวกในด้านอื่น ๆ หากอะไรที่ดำเนินการได้ตามกรอบกฎหมายให้ทำทันที และทุกอย่างที่เกิดขึ้นต้องเก็บบันทึกด้วยเพื่อจะได้มีหลักฐานเป็นประโยชน์ในการรักษาอธิปไตยของประเทศต่อไป 2. การสำรวจความเสียหาย สภาพความพร้อมบ้านพักอาศัย สาธารณูปโภค ที่พร้อมเข้าอยู่ตามปกติของพี่น้องประชาชน โดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจะไม่เรียกเก็บค่าไฟสำหรับบ้านเรือนที่อยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบรวมทั้งศูนย์พักพิงทั้งหมดตั้งแต่เดือนกรกฎาคม – สิงหาคม 2568 รวมไปถึงการประปาส่วนภูมิภาคด้วย สำหรับในเรื่องการซ่อมแซมบ้านเรือน ทุกส่วนราชการทั้งทหาร พลเรือน อาชีวะ สามารถช่วยเหลือโดยใช้เงินตามกรอบที่อนุมัติมาให้ รวมถึงเงินบริจาคที่ได้รับจากภาคส่วนต่าง ๆ โดยประสานมาที่ส่วนกลาง

 

3. การสำรวจประกอบอาชีพและสาธารณสุข ทั้งเรื่องสุขภาพกาย สุขภาพใจ รวมถึงผู้ปฏิบัติงานทั้งทหาร ตำรวจ ตำรวจตระเวนชายแดน อาสาสมัคร เจ้าหน้าที่ทุกคนที่ไปพื้นที่ก็มีความเสี่ยงเช่นกัน ต้องดูแลให้ครอบคลุมครบถ้วน 4. การเบิกจ่ายเยียวยาในภาวะที่ประชาชนเผชิญกับความทุกข์ ต้องใช้จ่ายอย่างมีคุณภาพ ครบถ้วน เต็มที่ บนเหตุผลและหลักการที่ต้องรักษาอธิปไตยของประเทศและชีวิตพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ ทุกอย่างต้องเป็นไปอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา ถ้าเป็นครอบครัวของเรา เราจะเป็นยังไง เพราะเขาก็ต้องการเงินไปดูแลไปแก้ไขปัญหาของเขา รวมถึงผู้ปฏิบัติงานด้วย เพราะเป็นผู้เสียสละสำคัญทั้งแนวหน้าและแนวหลัง สมเกียรติภูมิแห่งความเป็นข้าราชการแห่งรัฐ ทหารกล้า ตำรวจของแผ่นดิน และ 5. ค่าตอบแทนชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) จะดูแลให้ดีที่สุด โดยหากถ้าทำงานวันละ 6 ชั่วโมงขึ้นไปแต่ไม่ถึง 12 ชั่วโมง 120 บาท แต่ถ้าเกินจาก 12 ชั่วโมงขึ้นไป 240 บาท รวมแล้วประมาณ 117 ล้านบาท เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับ ชรบ. หมู่บ้านต่าง ๆ ประมาณ 32,740 นาย ในพื้นที่

 

ข่าวในหมวดเดียวกัน

เพิ่มเติม...

การเมือง

คอลัมนิสต์

คมในความ

มหาราษฎร์ Shorts

ภาพเก่าเล่าอดีต

ไฮไลท์

ข่าวประชาสัมพันธ์

ตำรวจ ทหาร อัยการ ศาล คุก

ท่องเที่ยว

ศาสนา

สุขภาพ

แวดวงนักรบ

สังคม

บทบาทบุคคล

< กลับหมวดการเมือง

เรื่องล่าสุด