ฮุน เซน: จาก “ทุ่งสังหาร” ถึง “โดรนสอดแนม”
กว่าสี่ทศวรรษก่อน โลกได้จารึก “ทุ่งสังหาร” (The Killing Fields) ของกัมพูชา… ช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความโหดร้าย ความตาย ความหวาดกลัว เสียงปืน เสียงระเบิด และเสียงร่ำไห้ของผู้สูญเสีย ภายใต้เขมรแดงของ พอล พต
ทหารเขมรแดงนายหนึ่งชื่อ ฮุน เซน หลบหนีระเบิดและกระสุนปืนข้ามพรมแดนไปซบอ้อมอกเวียดนาม ก่อนกลับมาในฐานะนักการเมืองที่ไต่เต้าสู่ตำแหน่งผู้นำประเทศ
แต่ใครจะคิดว่า… ชายผู้เคยรู้จัก “บาดแผลสงคราม” ดีถึงขนาดนั้น เลือกที่จะกลับมาสู่โหมดที่ท้าทายสันติภาพอีกครั้ง
1. The Killing Fields – ความจริงที่เจ็บปวดกว่าในหนัง
ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากเหตุการณ์จริงในกัมพูชา ช่วงปี 1975–1979 เมื่อเขมรแดง (ภายใต้การนำของ พอล พต) ยึดอำนาจจากรัฐบาลลอนนอล และเปลี่ยนประเทศเป็น “รัฐเกษตรกรรม” แบบสุดโต่ง
ภาพยนตร์ The Killing Fields (สร้างเมื่อปี 1984) ไม่ใช่แค่หนังสงคราม แต่มันคือบันทึกเลือดจากยุคเขมรแดง (1975-1979)
• ประชาชนถูกบังคับออกจากเมือง ให้อพยพไปสู่ชนบทเพื่อทำงานเกษตร
• ปัญญาชนและผู้เห็นต่าง (ผู้มีการศึกษา ข้าราชการ ทหาร หรือแม้แต่คนใส่แว่น ก็ถูกมองว่าเป็นศัตรู) ถูกสังหาร
• ประเทศทั้งประเทศถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นค่ายแรงงานกลางแจ้ง
• มีผู้เสียชีวิตกว่า 1.7 ล้านคน
• มีผู้ลี้ภัยจำนวนมากหนีเข้าสู่ไทย โดยมีค่ายผู้ลี้ภัยชายแดนไทย-กัมพูชารองรับ
“ทุ่งสังหาร” กลายเป็นคำที่คนทั้งโลกจำได้ว่า “อุดมการณ์ปลายกระบอกปืน” ทำให้เกิด “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ทุ่งสังหารจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
2. ไทย-กัมพูชา 2025… สงครามยุคใหม่
กรกฎาคม 2025 ชายแดนไทย-กัมพูชาปะทะกันรุนแรง มีทั้งการยิงปืนใหญ่ ปืนกลหนัก และการใช้โดรนสอดแนม
• ไทยมีการอพยพพลเรือนหลายแสน
• “ทุ่นระเบิด” โดยฝ่ายกัมพูชากลับมาหลอกหลอนชายแดนอีกครั้ง… ทหารไทยได้รับบาดเจ็บหลายราย
• มี “สงครามข้อมูล (Information War)” เกิดขึ้น เมื่อกัมพูชาใช้สื่อโซเชียลบิดเบือนข้อเท็จจริงรายวัน
นี่ไม่ใช่สงครามล้างเผ่าพันธุ์แบบเขมรแดง แต่ก็น่ากลัว… เพราะมันคือ สงครามลูกผสม (Hybrid War) ที่ใช้ทั้งทหาร เทคโนโลยี และข้อมูลโจมตีพร้อมกัน
3. บทเรียน 5 ข้อในอดีต ที่ยังใช้ได้
(1) พลเรือนคือผู้จ่ายราคาสูงสุด… ไม่ว่าจะปี 1975 หรือ 2025 คนธรรมดาคือคนที่ต้องหนี ต้องสูญเสีย และต้องเริ่มต้นใหม่
(2) พรมแดนคือเส้นที่บอบบาง… ในหนังเส้นพรมแดนคือทางรอดของดีธ ปราน (Dith Pran นักข่าว/ล่ามชาวกัมพูชา) เขาสามารถข้ามพรมแดนเข้ามาฝั่งไทยได้สำเร็จ สำหรับ ฮุน เซน ในอดีต เส้นพรมแดนคือเส้นทางรอดชีวิตจากทุ่งสังหารหลบหนีไปเวียดนาม แต่ปัจจุบันเส้นพรมแดนคือจุดเสี่ยงที่ปะทุเป็นสงครามใหญ่
(3) ข้อมูลคืออาวุธ… เขมรแดงปิดกั้นข้อมูล แต่ยุคนี้มีการยิงข้อมูลใส่กันแบบไม่หยุด
(4) เทคโนโลยีเปลี่ยนเกม… จากปืน AK สู่โดรนหรืออากาศยานไร้คนขับ (Unmanned Aerial Vehicle หรือ UAV) และสงครามไซเบอร์
(5) อย่าประเมินความตึงเครียดต่ำไป… สงครามใหญ่ในอดีตเริ่มจากการประเมินผิดเพียงครั้งเดียว
4. แล้วเราควรทำอย่างไร?
รัฐบาลไม่ควรหวังผลจาก “การเจรจา” มากเกินไป การเจรจาอาจใช้ไม่ได้ผลกับกัมพูชา เพราะ “ไว้ใจไม่ได้” อีกทั้ง ไม่ยอมเจรจาแก้ปัญหาในสิ่งที่ตนทำไว้คือวางทุ่นระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา ตามข้อเสนอของไทยให้ร่วมกันกู้ทุ่นระเบิดเหล่านั้นในการประชุม GBC ที่ผ่านมาระหว่างวันที่ 4-7 สิงหาคม 2568 ที่ประเทศมาเลเซีย หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อวันที่ 9 และ 12 สิงหาคม 2568 ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ขาขาดวันละ 1 นาย รวม 2 นาย… นี่คือความไร้มนุษยธรรมของผู้นำกัมพูชา
5. ของฝากถึง “ฮุน เซน”
ฮุน เซน ควรจำไว้ว่า “ผู้นำที่แท้จริง ไม่ใช่ผู้ที่ชนะศึกด้วยกำลัง แต่คือผู้ที่ชนะใจเพื่อนบ้านด้วยสันติภาพ เพราะถ้าลืมบทเรียนจากทุ่งสังหาร วันหนึ่งประวัติศาสตร์อาจจำท่าน ไม่ใช่ในฐานะผู้นำที่สร้างชาติ แต่เป็นผู้จุดชนวนสงครามครั้งใหม่ในภูมิภาคนี้”
ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์
อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร