สังคม “ลมใต้ปีก” ประจำวันศุกร์ที่ 10 ตุลาคม พุทธศักราช 2568
ขบวนการ “โจรก่อการร้ายภาคใต้” ก่อเหตุขยายความรุนแรง ปฏิบัติการอุกอาจ “ยกพลปล้นทองวางระเบิด” ต่อเนื่อง หยามหน้าท้าทาย รัฐบาลอนุทิน, แม่ทัพภาคที่ 4, และฝ่ายความมั่นคง…เพื่อแสดงศักยภาพ รายวัน… 000 วิธีการมิใช่การต่อสู้ “ทางอุดมการณ์” แต่เป็นสันดาน “โจรานุโจร !” ปล้นสดมภ์ วางระเบิด ช่วงประเพณี “ชักพระ” ข่มขวัญ สร้างสถานการณ์ เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ จาก “กลุ่ม บีอาร์เอ็น”….000
ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้ “ยืดเยื้อเรื้อรัง” มาหลายรัฐบาล ล้วนกลืนไม่เข้า คายไม่ออก ทุกครั้งที่เกิดปัญหา.. เพราะการแก้ปัญหา “มีขีดจำกัด” ทั้งการใช้กำลัง, งบประมาณ และการเจรจา รวมทั้งข้อกฏหมาย เพื่อมิให้การยกระดับปัญหา ไปสู่สากล!….000 แม้ยุทธศาสตร์ การ “ใช้การเมืองนำการทหาร” จะงัดออกมาใช้ “ก็ไม่ได้ผล!”… ผ่านมา 20 ปีแล้ว เหตุการณ์ปล้นปืน “ปัญหาความไม่สงบ” ยังดำเนินรุนแรงต่อเนื่อง ยอดผู้เสียชีวิต ทะลุ “กว่า 5,000 ศพ” ทั้งครู ผู้พิพากษา ประชาชน พระสงฆ์องค์เจ้า ฯลฯ ..สะท้อนให้เห็นว่า “นโยบายดับไฟใต้” ทุกรัฐบาลที่ผ่านมา “ล้มเหลวสิ้นเชิง !”….000 พูดกันหลายครั้ง “สังคายนากันเสียที” เรื่องศักยภาพ “การข่าว!” จังหวัดชายแดนใต้ ที่นับวัน “ไม่ทันเหตุการณ์ !”… จำเป็นต้องเพิ่มการสื่อสารมากขึ้น..รัฐบาลเปลี่ยนตัวบุคคล “ระดับส่วนหัว” มากมาย..ส่งระดับ “บิ๊กๆ !” ลงไปแก้ปัญหา แต่ระดับล่าง “ยังเหมือนเดิม!” กระบวนการไหลข้อมูล เนื้อหา จึงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง… 000
ที่ผ่านมา ภาครัฐ ประสานเสียงว่า “เดินมาถูกทางแล้ว” สามารถ ตีโอป บีบรัด “กลุ่มขบวนการโจรใต้” ให้อยู่ในวงจำกัด… แต่ถึงวันนี้ “ภาครัฐ” ยังคลำเป้าใหญ่ “ระดับแกนนำ” กลุ่มผู้ก่อการไม่สงบ แท้จริงไม่ได้ !! และแนวทางการเจรจา “ก็ไม่เป็นผล !” .. เนื่องเพราะไม่รู้ว่า ใครคือ “แกนนำตัวจริง หรือตัวปลอม!” ส่งผลให้แนวนโยบาย “สันติสุข” ไม่คืบหน้า…000 เสียงกัมปนาท ปืน-ระเบิด และการปล้นสดมภ์ จึงไม่จางหายไป.. ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้ ถึงวันนี้ ยังเป็นปาฏิหาริย์ แห่งคำถาม ที่ต้องใช้ “สงครามพื้นที่” เป็นคำตอบ อีกยาวนาน….000
“ไม้ย่อมเติบโตไปตามวัย”..เพิ่งก้าวย่างเคลื่อนไหว ไม่ทันไร “พรรคกล้าธรรม” นับวัน กระโดดพรวด ! มีเสน่ห์ สร้างสีสัน ทางการเมืองอย่างรวดเร็ว ชื่อกะฉ่อน “ฉายวับ!” ทั่วสนาม… เซียนข้างเวทีต่างวิเคราะห์ “อื้ออึง !” ว่าเป็นดาว ดวงใหม่ ส่งประกายไฉไลเจิดจ้า “พลังแรงดูด” ไม่ธรรมดา .. ลากพรรคขนาดเล็ก ขนาดกลาง รวมทั้ง นักการเมืองท้องถิ่น “เข้าร่วมวงไพบูลย์” เป็นระยะ จนหนาแน่น… 000 แถมมี “อำนาจ” คุมกระทรวงหลัก “เกษตร และสหกรณ์” หัวใจสำคัญ ทาง “ยุทธศาสตร์” บริหารจัดการนํ้า, ผลผลิตการเกษตรฯ ขับเคลื่อน นโยบาย ที่มีผลต่อระบบ “เศรษฐกิจชุมชนฐานราก” ใช้ผลงานเชิงประจักษ์ เป็นกลไก เครื่องมือ “หาเสียงโดยตรง”…000 จับตามองให้ดี สมรภูมิเลือกตั้งครั้งหน้า “พรรคกล้าธรรม” ภายใต้การนำธง ของ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” จะเป็นตัวแปรสำคัญ ทางการเมือง สร้างดุลอำนาจ ที่มิอาจมองข้ามได้ !!….000
จะเป็นการ “โยนหินถามทาง” หรือหวังเติมเสียง สส.ภาคกลาง มาแทนที่ “ภาคอีสาน” ที่เลือดไหล!”… ฮือฮากันใหญ่ กับเรื่องของ “เดอะท็อป” วราวุธ ศิลปอาชา ที่จะมาเป็น แคนดิเดต นายกรัฐมนตรี “พรรคเพื่อไทย”?? ในการเลือกตั้งครั้งหน้า..อะไรขนาดนั้น ! มี สส.และแกนนำระดับชื่อชั้น “แก่พรรษา” เป็นกะตั๊ก ! อาทิ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว, สุริยะ จึงระ่งเรืองกิจ, สุทิน คลังแสง, เดอะอ๋อย จาตุรนต์ ฉายแสง ฯลฯ… กลับชูนโยบาย “นำเมล็ดข้าว มาใส่กองแกลบ”! ให้ผู้คน ชวนสงสัยเล่น ….000 “ข่าวลือ” ก็คือข่าว.. ว่ากันว่า เพื่อสร้างภาพลักษณ์ เสริมสมการใหม่ ให้พรรคเพื่อไทย..ตามคำบัญชา “นายใหญ่” ..บ้างก็ว่า เป็นการ “สับขาหลอก” ไม่ยอมเห็นขี้ ดีกว่าไส้ แน่นอน…000 นาย “สรวงค์ เทียนทอง” เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ระบุถึง กระแสข่าว ทาบทาม “นายวราวุธ ศิลปอาชา” ว่าไม่ใช่เรื่องแปลก ขณะที่ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” แกนนำคนสำคัญ กล่าวถึง การนำ “คนนอก” มาเป็น แคนดิเดตนายกฯ ถ้าสังคมรับได้ ก็เป็นสิ่งดี….000 “ข่าวลือ” กระพือใกลว่า “ท็อปวราวุธ” หัวหน้าค่าย “ชาติไทยพัฒนา” ทายาทการเมือง “บรรหาร ศิลปอาชา” อาจจะควบรวมกับ “พรรคเพื่อไทย” นำคณะ มาเป็นบัญชีรายชื่อถึง 5 คน…กระแสข่าวแพร่สะพัดอย่างเข้มข้น เพราะ “บ้านใหญ่” เมืองสุพรรณมีฐานเสียงภาคกลางเหนียวแน่น พร้อมเป็น “โซ่ข้อกลาง” ทำงานได้กับทุกขั้ว…000 คำถามอยู่ที่ว่า..“วราวุธ” จะใช่ 1 ใน 3 แคนดิเดต นายกฯ เพื่อไทย จริงหรือไม่ ? และพร้อมจะ ยุติบทบาท หัวหน้าพรรค “ชาติพัฒนา” ที่สร้างมากับมือ “ทิ้งมรดก” ที่พ่อสร้างไว้ ได้อย่างลงคอ “กระนั้นหรือ ?”….000
Cr. ขอบคุณเจ้าของภาพ
