การเมือง

คนไทยต้องไม่ถูกสแกม!


7 พฤศจิกายน 2025, 14:20 น.

 

คนไทยต้องไม่ถูกสแกม!

 

“สแกม” คืออาชญากรรมยุคดิจิทัลที่เติบโตเร็วมาก สร้างความเสียหายนับหมื่นล้านบาทต่อปี ไม่เพียงแต่กระทบต่อกระเป๋าเงินของประชาชนเท่านั้น แต่ยังบั่นทอนความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศอีกด้วย

 

 

1. จาก “โทรหลอก” ถึง “AI หลอก”

ยุคแรกของการสแกมเริ่มจาก “โทรหลอก – ส่ง SMS – ทักแชทปลอม” แต่วันนี้พัฒนามาเป็นอาชญากรรมไซเบอร์ชั้นสูงด้วยเทคโนโลยี “Deepfake & AI Scam” ที่สมจริงจนยากจะแยกแยะ 

 

ตัวอย่างภัยใกล้ตัว

(1) ปลอมเป็นพนักงานธนาคาร โทรแจ้งว่าบัญชีของคุณมีปัญหา หลอกให้โอนเงินหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว

(2) ส่งข้อความแจ้งว่าคุณมีพัสดุรอรับ หรือคุณได้รับรางวัล พร้อมส่งลิงก์ให้กดเพื่อขโมยข้อมูล

(3) โทรหลอกลงทุนโดยเสนอผลตอบแทนสูง หรือชวนเข้าร่วมธุรกิจแชร์ลูกโซ่

(4) ใช้เทคโนโลยี AI ปลอมเสียงคนใกล้ชิด หรือสร้างหน้าเหมือนกันเป๊ะ! ขอเงินด่วนแบบแนบเนียน

(5) สร้างเว็บไซต์ธนาคารหน้าตาเหมือนของจริงทุกอย่าง เพื่อหลอกให้กรอกข้อมูลบัตรเครดิต

 

ไม่ว่าคุณจะรู้เท่าทันแค่ไหน… แค่พลาด “เพียงครั้งเดียว” ก็อาจหมดตัวได้ภายในไม่กี่นาที

 

2. ทำไมคนไทยจึงยังถูกหลอกซ้ำ ๆ ?

เพราะเรายังไม่มีระบบตรวจสอบอัตโนมัติว่าเบอร์หรือบัญชีที่ติดต่อมานั้นเป็น “ของจริงหรือของปลอม” ไม่มีระบบเตือนภัยแบบเรียลไทม์ที่แจ้งเตือนประชาชนได้ทันก่อนเกิดความเสียหาย และเมื่อหลงเชื่อ โอกาสได้เงินคืนแทบเป็นศูนย์

 

3. แล้วทำไมภาครัฐจึงยังสกัดไม่อยู่?

(1) หน่วยงานทำงานแยกกัน ไม่มี “ศูนย์บัญชาการกลาง (Command Center)” 

(2) ข้อมูลกระจัดกระจาย ไม่มีฐานข้อมูลกลางแห่งชาติ 

(3) การตอบโต้ช้า ทั้งการอายัดบัญชีและปิดเบอร์โทร ต้องใช้เวลาหลายวัน

(4) เครื่องมือและบุคลากรด้านไซเบอร์ยังมีไม่เพียงพอ

(5) ประชาชนไม่รู้จะแจ้งเหตุที่ไหน ไม่มีช่องทางเดียวที่เข้าถึงได้ง่าย

4. ถึงเวลาต้องมี “ศูนย์บัญชาการต่อต้านภัยสแกมแห่งชาติ”

 

ควรมีการจัดตั้ง “ศูนย์บัญชาการต่อต้านภัยสแกมแห่งชาติ (National Anti-Scam Command หรือ NASC)” ที่มีบทบาทในการปกป้องคนไทยไม่ให้ถูกสแกม หรือ เป็น “เกราะดิจิทัลแห่งชาติ” ที่รวมทุกภาคส่วนไว้ในที่เดียว เพื่อหยุดภัยสแกมแบบเรียลไทม์

 

บทบาทหลักของ NASC

(1) เชื่อมโยงข้อมูลจากธนาคาร บริษัทโทรคมนาคม และตำรวจ 

(2) ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ ตรวจจับ “เสียง-ข้อความ” ปลอม

(3) ส่งสัญญาณเตือนภัยถึงมือประชาชนทันทีผ่าน “NASC Alert” เพื่อให้รู้ตัวก่อนตกเป็นเหยื่อ

(4) สั่งอายัดบัญชี หรือปิดเบอร์โทรศัพท์โดยอัตโนมัติ ด้วยระบบ SOAR (Security Orchestration, Automation, and Response หรือ ระบบประสานงาน และตอบโต้ภัยไซเบอร์แบบอัตโนมัติ)

 

5. จัดการได้ใน 5 นาที

หากมี NASC ระบบจะสามารถจัดการภัยสแกมได้ภายในเวลาไม่เกิน 5 นาที จากเดิมต้องใช้เวลาหลายวัน ประชาชนจะได้รับการคุ้มครองตลอด 24 ชั่วโมง และคาดว่าจะลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจได้ไม่น้อยกว่า 70% 

 

“ภัยสแกม” ไม่เลือกเหยื่อ ไม่เลือกอาชีพ ไม่เลือกอายุ ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยจะต้องมีระบบป้องกันและตอบโต้ภัยหลอกลวงระดับชาติ เพราะคนไทยทุกคน… ไม่ควรถูกหลอกอีกต่อไป

 

ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์

อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

 

ข่าวในหมวดเดียวกัน

เพิ่มเติม...

การเมือง

คอลัมนิสต์

คมในความ

มหาราษฎร์ Shorts

ภาพเก่าเล่าอดีต

ไฮไลท์

ข่าวประชาสัมพันธ์

ตำรวจ ทหาร อัยการ ศาล คุก

ท่องเที่ยว

ศาสนา

สุขภาพ

แวดวงนักรบ

สังคม

บทบาทบุคคล

< กลับหมวดการเมือง

เรื่องล่าสุด