การเมืองอำมหิตเล่นงาน ประยุทธ์ มหากิจศิริ (2)

ภาพจาก กรุงเทพธุรกิจ
1. ประยุทธ์ถูกจำคุก 24 ปี โดยที่เจ้าตัวเองคิดว่าไม่ได้ทำอะไรผิด ซึ่งเป็นความคิดที่ประมาทมาตั้งแต่ต้น และเป็นความคิดที่ไม่เข้าใจธรรมนิติบทที่ว่าด้วยความยุติธรรมซึ่งตอนหนึ่งปรากฏอยู่ใน บทพระราชนิพนธ์ในล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 เรื่อง เวนิสวานิชว่า “ในกระแสแห่งยุติธรรมมา ยากจะหาความเกษมเปรมปรีย์”
เพราะความประมาทเช่นนี้ จึงถูกจำคุก 24 ปี
2. บริษัทของประยุทธ์ ไปซื้อที่ดินที่มีโฉนดที่ดิน จากเอกชน 6 แปลง เป็นพื้นที่ติดต่อกัน จากนั้นมีการเสนอใน การการประชุม คณะกรรมการบริษัทว่า ให้ยื่นคำร้อง ขอรังวัด ที่ดินและรวมที่ดิน 6 โฉนดเข้าเป็นโฉนดเดียวกันและขอออกโฉนดใหม่ ประยุทธ์เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ในฐานะเป็นประธานบริษัท นั่งประชุมคณะกรรมการและร่วมให้ความเห็นชอบ ในการขอรังวัดรวมโฉนดที่ดิน 6 โฉนดเป็นโฉนดเดียวกัน นอกจากนี้แล้วประยุทธ์ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับที่ดินรายนี้แต่ประการใดเลย
โดยเฉพาะ ในการขอรังวัดรวมโฉนดที่ดิน ในการนำชี้เขตที่ดิน ในการรับรองแนวเขตที่ดิน ในการรับรองแผนที่เพื่อออกโฉนดที่ดินแปลงใหม่ และในการรับโฉนดที่ดินฉบับใหม่หลังจากมีการออกโฉนดเรียบร้อยแล้ว
เพียงแค่นั่งเป็นประธานคณะกรรมการในการประชุมคณะกรรมการบริษัท ประยุทธ์จึงมั่นใจว่า ตัวเองไม่ได้กระทำความผิดใดๆ ซึ่งผมเองก็เห็นว่า ความเห็นดังกล่าวนั้นถูกต้อง
เพราะการกระทำความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต ต้องมีการกระทำ ในการใช้อำนาจของเจ้าพนักงาน ที่ดิน ในการรังวัดสอบเขต รายการทำแผนที่โฉนดแปลงใหม่ ในการรับรอง แผนที่โฉนดแปลงใหม่ ในการเดินสำรวจรังวัดที่ดิน ในการตรวจระวางที่ดิน และในการออกโฉนดที่ดิน ซึ่งกระบวนการทั้งหมดนี้ประยุทธ์ไม่ได้เกี่ยวข้องเลย เพียงแค่การเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติให้บริษัทไปขอ รังวัดที่ดินเพื่อรวมเป็นโฉนดเดียวกัน จึงน่าจะไม่ เป็นความผิดฐานเจ้าพนักงานใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต ตามที่มีการฟ้อง ในเรื่องนี้
เพราะการกระทำความผิดในการในคดีอาญานั้น เบื้องต้นจะต้องมีเจตนากระทำความผิด และในกรณีนี้ต้องเป็นเจตนาพิเศษเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มีควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งขณะที่ประยุทธ์นั่งเป็นประธานการประชุมนั้น ก็ยังไม่มีการชี้แนวเขตที่ดิน ว่า มีอาณาเขตอย่างไรบ้าง มีเนื้อที่เกินหรือขาดประการใด และบริษัทจะได้ประโยชน์อะไร นอกจากนั้นกรณีจะเป็นความผิดก็ต้องมีการกระทำเกิดขึ้น คือการชี้แนวเขต ไปบุกรุกที่ดิน ป่าสงวน หรือ สปก. แล้วรับรองแนวเขตที่ผิดไปจากความเป็นจริง ต้องมีการกระทำดังกล่าว จึงจะเป็นความผิด
ซึ่งการกระทำทั้งกระบวนในการขอออกโฉนดที่ดินและในการรังวัดที่ดินนั้น ประยุทธ์ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆเลย ดังนั้นไม่ว่าโดยเจตนาทุจริต หรือโดยการกระทำในเรื่องนี้ ประยุทธ์จึงไม่ได้กระทำความผิดใดๆ คุณประยุทธ์สมควรต้องใช้สิทธิ์อุทธรณ์ต่อไป ด้วยความเชื่อมั่นในความยุติธรรมของศาล
Cr. Paisal Puechmongkol