นายกรัฐมนตรีชี้แจงรัฐสภา ปัดสัมพันธ์ผู้นำกัมพูชา ไม่มีเบื้องหลังทางการเมือง ยืนยันรัฐบาลโปร่งใส-ตรวจสอบได้ พร้อมเดินหน้ายุบสภาภายใน 31 ม.ค. 2569 ตาม MOA
30 กันยายน 2568 เวลา 09.40 น. ที่ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชั้น 2 อาคารรัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) ซึ่งเป็นการประชุมพิเศษเพื่อพิจารณาเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยมีนายมงคล สุระสัจจะ รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ปฏิเสธไม่มีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับผู้นำกัมพูชา ได้พบสมเด็จฯ ฮุน เซน อย่างเป็นทางการครั้งแรก ระหว่างการร่วมคณะกับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในการเยือนกัมพูชา เมื่อเมษายน 2568 ยืนยัน ไม่มีการตกลงเบื้องหลังหรือใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวในการบริหารราชการแผ่นดิน
นายกรัฐมนตรียังระบุว่า หลังกลับจากการเยือนกัมพูชา ทราบว่าจะถูกปลดจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยมีข้อเสนอให้ไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขแทน โดยขอยืนยันว่า ที่ผ่านมาได้ยืนหยัดเคียงข้างอดีตนายกรัฐมนตรีแพทองธารมาตลอด แม้ในยามที่ถูกวิจารณ์หรือถูกกล่าวหา ส่วนตัวเชื่อว่าการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีไม่ใช่ความต้องการของอดีตนายกรัฐมนตรี แต่เป็นแรงกดดันทางการเมืองจากบุคคลอื่น ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันได้เกิดกรณีคลิปเสียงผู้นำกัมพูชาเผยแพร่ออกมา ยิ่งทำให้พรรคภูมิใจไทยตัดสินใจถอนตัว เนื่องจากเห็นว่ารัฐบาลขาดความชอบธรรมและกระทำการที่ส่งผลกระทบต่อประเทศชาติ จากนั้นจึงไปรายงานตัวต่อผู้นำฝ่ายค้านเพื่อประกาศเข้าร่วมกับพรรคประชาชน เพื่อนำไปสู่การยุบสภา โดยมีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOA) เพื่อจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย และกำหนดให้ยุบสภาภายใน 31 มกราคม 2569
นายกรัฐมนตรียังปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่าพรรคภูมิใจไทย “ดูด” สมาชิกจนมีจำนวน ส.ส. เพิ่มขึ้นนั้น ยืนยันว่าทั้งหมดมาจากการเลือกตั้ง พรรคได้รับความไว้วางใจจากประชาชน และ MOA ที่จัดทำขึ้น เพื่อผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญและนำไปสู่การยุบสภา ซึ่งได้เปิดเผยต่อสาธารณชนแล้ว พร้อมย้ำว่ารัฐบาลนี้ตั้งอยู่บนหลักประชาธิปไตย ได้รับเสียงสนับสนุนจากสภาผู้แทนราษฎร 313 เสียง
สำหรับข้อกล่าวหาการกดดันข้าราชการในคดีเขากระโดงและกรณีฮั้วเลือก ส.ว. นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่าทุกอย่างอยู่ในอำนาจและความรับผิดชอบของ กกต. พร้อมยืนยันว่าในสมัยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่เคยใช้อำนาจแทรกแซงเพื่อช่วยผู้กระทำผิด และจะไม่ใช้อำนาจใด ๆ ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพื่อเอื้อประโยชน์แก่บุคคลใด
ในช่วงท้าย นายอนุทินย้ำว่าขณะนี้ตนยังไม่ใช่ผู้ต้องหา แต่เป็นเพียงผู้ถูกแจ้งข้อกล่าวหา การกล่าวหาว่านายกรัฐมนตรีและสมาชิกวุฒิสภาเป็น “ผู้ต้องหา” จึงไม่ถูกต้อง หากศาลชี้ว่ามีความผิดก็พร้อมเข้าสู่กระบวนการลงโทษตามกฎหมาย พร้อมย้ำว่าไม่สามารถชี้นำวุฒิสภาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ เพราะถือเป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญและขัดหลักประชาธิปไตย และยืนยันชัดเจนว่าภายในวันที่ 31 มกราคม 2569 จะมีการยุบสภาตามที่ระบุใน MOA อย่างแน่นอน
Cr. ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก Thaigov.go.th