ลักเซมเบิร์ก วันที่ชาติพ่ายแพ้โดยแทบไม่ต่อสู้
เช้ามืดวันที่ 10 พฤษภาคม ค.ศ. 1940 เสียงคำรามของเครื่องบินเยอรมันสั่นสะเทือนแผ่นดินลักเซมเบิร์ก รัฐเล็กกลางยุโรปที่ประกาศตัวเป็นกลางมาตลอด แม้ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ประชาชนยังเชื่อว่าพายุสงครามอาจพัดผ่านไป แต่รุ่งเช้าวันนั้น กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการสูญเสียเอกราชที่ยาวนานกว่า 4 ปี
ลักเซมเบิร์กเป็นประเทศที่สงบสุข แม้ตั้งอยู่ระหว่างมหาอำนาจที่คุกรุ่นด้วยความขัดแย้ง รัฐบาลประกาศวางตัวเป็นกลางอย่างเคร่งครัด หวังปกป้องตนเองจากการถูกรุกราน แต่ความจริงที่โหดร้ายคือ กองทัพที่มีเพียงตำรวจและทหารไม่กี่พันนาย ไม่อาจเป็นเกราะกำบังที่แท้จริงได้
เมื่อเยอรมนีเริ่มปฏิบัติการ Fall Gelb บุกฝรั่งเศสและเบลเยียม ลักเซมเบิร์กก็ถูกเลือกให้เป็นเส้นทางลัด กองกำลังนาซีทะลักเข้ามาจากทุกทิศพร้อมรถถังและเครื่องบินสนับสนุน การยิงปะทะของตำรวจชายแดนและทหารเพียงเล็กน้อย ไม่อาจหยุดยั้งขบวนยานเกราะของฮิตเลอร์ได้ ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งวัน ธงนาซีถูกชักขึ้นเหนือเมืองหลวง
ในยามคับขัน แกรนด์ดัชเชสชาร์ล็อตต์และรัฐบาลตัดสินใจออกนอกประเทศเพื่อจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น การลี้ภัยครั้งนั้นไม่ใช่การหนีตาย หากเป็นการรักษาสัญลักษณ์แห่งอธิปไตยไว้ ขณะที่ประชาชนในบ้านเกิดต้องเผชิญชะตากรรมภายใต้การปกครองของนาซี

Charlotte, grand duchess of Luxembourg
ภายใต้เงานาซีการยึดครองนำมาซึ่ง การกลืนชาติ ภาษาเยอรมันถูกบังคับใช้แทนภาษาลักเซมเบิร์กและฝรั่งเศส โรงเรียนและสื่อถูกควบคุมเข้มงวด เด็กหนุ่มถูกเกณฑ์เข้ากองทัพเยอรมันอริราชศัตรูในภายหลัง หลายครอบครัวสูญเสียบุตรชายไปในสงครามที่พวกเขาไม่ได้เลือก
แม้จะเป็นชาติเล็ก แต่จิตวิญญาณแห่งการต่อต้านไม่เคยมอดดับ เครือข่ายใต้ดินและประชาชนจำนวนหนึ่งลุกขึ้นต่อสู้ด้วยวิธีการลับ ๆ จนกระทั่งฤดูใบไม้ร่วงปี 1944 กองทัพสัมพันธมิตรเข้าสู่ลักเซมเบิร์กและปลดปล่อยแผ่นดิน แม้เยอรมนีจะพยายามบุกกลับในยุทธการ Battle of the Bulge แต่ก็ไม่อาจหวนคืนชัยชนะได้
บทเรียนของกรณีลักเซมเบิร์กสะท้อนคำถามสำคัญว่า ความเป็นกลางเพียงอย่างเดียว เพียงพอจริงหรือไม่ในการปกป้องเอกราชของชาติท่ามกลางมหาสงคราม? แม้การไม่สู้รบในวันแรกช่วยหลีกเลี่ยงการสูญเสียชีวิต แต่ก็นำไปสู่การอยู่ใต้การยึดครองนานหลายปี และบาดแผลที่ต้องเยียวยาไปชั่วอายุคน
เรื่องราวของลักเซมเบิร์ก 1940 จึงไม่ใช่เพียงบันทึกของการพ่ายแพ้ แต่คือคำเตือนว่าความสงบที่ได้มาโดยการนิ่งเฉย อาจแลกมาด้วยเสรีภาพทั้งแผ่นดิน